เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คาดการณ์ว่า คริสเตียโน โรนัลโด้ อาจจะไม่สามารถเล่นฟุตบอลโลก 2026 ได้

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (Sir Alex Ferguson) ตำนานผู้จัดการทีมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ได้แสดงความคิดเห็นว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo) น่าจะไม่ลงเล่นในฟุตบอลโลก 2026 อีกต่อไป เขายังเชื่อว่าเรื่องการคว้าแชมป์ไม่ได้เป็นแรงผลักดันที่สำคัญสำหรับ โรนัลโด้ เหมือนในอดีต เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังกำหนดว่า ยูโร 2024 จะเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับทีมชาติรายการสุดท้ายของ โรนัลโด้

ก่อนหน้านี้มีการตั้งประเด็นเกี่ยวกับการที่ โรนัลโด้ ควรหรือไม่ควรที่จะเข้าร่วมยูโร 2024 เมื่อพิจารณาถึงอายุของเขาที่มีถึง 39 ปี และไม่นานมานี้ ดาวเตะจาก อัล-นาสเซอร์ (Al-Nassr) ก็ได้ยอมรับเองว่านี่จะเป็น ยูโร สมัยสุดท้ายของเขา 

เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่ โรนัลโด้ จะลงเล่นในฟุตบอลโลก 2026 โดย สปอร์ตส์บิลด์ (SportBild) สื่อของเยอรมนี (Germany) เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมนึกภาพไม่ออกว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้ ในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ฟุตบอลจะเล่นกันในแบบที่เร็วกว่าเดิมอีก และจะใช้ความปราดเปรียวกันมากขึ้น”

เซอร์ อเล็กซ์ยังชี้ให้เห็นถึงเรื่องที่สำคัญว่า

“นักเตะในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า จำเป็นต้องเป็นคนที่ตัวเล็กกว่าในอดีต และสำหรับคนที่เป็นกองหน้าแล้ว การที่จะยังสามารถเล่นในระดับสูงสุดได้เมื่ออายุมากขึ้นนั้นเป็นเรื่องยากมาก ต่างจากกองหลังโดยสิ้นเชิง การต้องแย่งตำแหน่งในสนามที่ใช้ทั้งความคล่องแคล่วและความแข็งแรงเป็นสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับนักเตะวัยใกล้สี่สิบปี”

เฟอร์กูสันยังเสริมว่า “ทุกวันนี้ โรนัลโด้ ไม่ได้มีเรื่องแชมป์เป็นแรงผลักดันหลักอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จมามากมายจนนับไม่ถ้วน การคว้าแชมป์อีกแค่ 1 หรือ 2 รายการคงไม่ได้มีความหมายมากมายกับเขาอีกแล้ว เพราะเขามีเส้นทางการค้าแข้งที่ยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล”

โรนัลโด้ เป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล แต่เมื่อพูดถึงแรงจูงใจในการคว้าแชมป์ ณ จุดนี้ ผมเชื่อว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ขับเคลื่อนเขาอีกต่อไปแล้ว เขาได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้วทั้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรอัล มาดริด (Real Madrid) และ ทีมชาติโปรตุเกส (Portugal)

การเล่นฟุตบอลในระดับสูงเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งขันในยุคปัจจุบันนั้นใช้ความเร็วและความปราดเปรียวมากขึ้นทุกปี ซึ่งแตกต่างจากแต่ก่อนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ การแทงบอลสเต็ป ในการวางแผนและตัดสินใจของนักเตะ ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ที่นักเตะในยุคนี้ต้องเผชิญ

กล่าวอย่างสรุป

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเชื่อว่า สำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo) การตั้งเป้าหมายครั้งสุดท้ายในการแข่งขันยูโร 2024 น่าจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลมากที่สุด และการที่เขาจะตัดสินใจเลิกเล่นในระดับนานาชาติหลังจากทัวร์นาเมนต์นี้ ทั้งนี้ในขณะที่เรื่องการแแข่งขัน แทงบอลสเต็ป และความมุ่งมั่นของนักเตะยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเตะรุ่นหลัง โรนัลโด้ ได้ทิ้งรอยเท้าอันยิ่งใหญ่ไว้ในสังเวียนฟุตบอลระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย

ในปัจจุบัน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo) ยังคงเป็นตัวอย่างสำหรับนักเตะทั่วโลก ทั้งเรื่องการทำงานหนักและความสำเร็จที่ไม่เหมือนใคร แต่การพักสายอาชีพในการแข่งขันระดับสูงสุดเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง และบางที ยูโร 2024 จะเป็นบทบาทสุดท้ายที่เราได้เห็น โรนัลโด้ ระเบิดฟอร์มยอดเยี่ยมในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ

 

ลิโอเนล เมสซี่ เฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบ 37 ปีอย่างมีความสุข โดยเมสซี่ได้รับของขวัญสุดพิเศษจาก เดวิด เบ็คแฮม

ลิโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi) ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวอาร์เจนติน่า (Argentina) เฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบ 37 ปีอย่างมีความสุข ท่ามกลางการแข่งขันฟุตบอลรายการ โกปา อเมริกา 2024 ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ โดยเมสซี่ได้รับของขวัญสุดพิเศษจาก เดวิด เบ็คแฮม (David Beckham)อดีตนักเตะระดับตำนานชาวอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของร่วมสโมสร อินเตอร์ ไมอามี่ (Inter Miami) ทีมในศึก เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ (MLS) ที่เมสซี่กำลังค้าแข้งอยู่

เมสซี่ ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1987 ได้โพสต์ภาพของขวัญวันเกิดลงบนอินสตาแกรมส่วนตัว เผยให้เห็นไวน์ขวดใหญ่ยี่ห้อ กาเตน่า ซาปาต้า แบรนด์ดังจากประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี นับเป็นของขวัญล้ำค่าที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างเมสซี่กับเบ็คแฮม ทั้งในฐานะเพื่อนร่วมวงการฟุตบอลและในบทบาทนักเตะกับเจ้าของทีม

เบ็คแฮมได้เขียนข้อความอวยพรวันเกิดถึงเมสซี่ว่า “สุขสันต์วันเกิดสำหรับผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด” สะท้อนถึงความนับถือที่มีต่อฝีเท้าและความสำเร็จของเมสซี่ในวงการลูกหนัง ขณะที่เมสซี่ตอบกลับด้วยความขอบคุณอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณมาก เดวิด!!!”

การฉลองวันเกิดของเมสซี่ในปีนี้มีความพิเศษ เนื่องจากเกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญอย่าง โกปา อเมริกา ซึ่งจัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา โดยทีมชาติอาร์เจนติน่า (Argentina) ของเมสซี่เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ในปีนี้

 

ทีมฟ้าขาวเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเอาชนะ แคนาดา ไปได้ 2-0 ในนัดเปิดสนาม

แสดงให้เห็นถึงฟอร์มอันร้อนแรงและความมุ่งมั่นที่จะป้องกันแชมป์รายการนี้ โดยพวกเขาจะมีคิวลงสนามนัดที่สองพบกับ ชิลี ในวันที่ 26 มิถุนายน ที่สนาม เมตไลฟ์ สเตเดี้ยม (MetLife Stadium) ในรัฐนิวเจอร์ซีย์

สำหรับเมสซี่ การแข่งขัน โกปา อเมริกา 2024 นี้ ถือเป็นโอกาสในการสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง หากทีมอาร์เจนติน่าสามารถคว้าแชมป์ได้ จะเป็นแชมป์รายการใหญ่สมัยที่ 3 ติดต่อกันของพวกเขา ต่อจากแชมป์ โกปา อเมริกา ในปี 2021 และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตการค้าแข้งของเมสซี่

 

นอกจากความสำเร็จในระดับทีมชาติ เมสซี่ยังกำลังสร้างชื่อเสียงให้กับวงการฟุตบอลอเมริกาด้วยการย้ายมาเล่นให้กับ อินเตอร์ ไมอามี่ (Inter Miami) ในลีก MLS เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

การมาถึงของเขาสร้างกระแสความนิยมอย่างล้นหลามให้กับลีกอเมริกัน ทำให้ยอดผู้ชมและรายได้ของลีกเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ด้วยวัย 37 ปี เมสซี่ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศในเกมลูกหนัง ทั้งทักษะการเลี้ยงบอล วิสัยทัศน์ในการเล่น และความแม่นยำในการยิงประตู ซึ่งทำให้เขายังคงเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก แม้จะอยู่ในช่วงท้ายของอาชีพนักฟุตบอลแล้วก็ตาม

การได้รับของขวัญล้ำค่าจากเบ็คแฮมไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความยินดีในวันเกิดเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองตำนานลูกหนังต่างยุค และเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตของ อินเตอร์ ไมอามี่ (Inter Miami) ที่มีทั้งผู้บริหารและนักเตะระดับโลกร่วมงานกัน

ในขณะที่เมสซี่ยังคงมุ่งมั่นกับภารกิจในทีมชาติ แฟนๆ ทั่วโลกต่างจับตามองการแสดงฝีเท้าของเขาใน โกปา อเมริกา 2024 ด้วยความคาดหวังว่า “เจ้าหนูมหัศจรรย์” จะสามารถนำพาทีมอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับตัวเองและแฟนบอลชาวอาร์เจนไตน์ทั่วโลก

วันนี้ทางเว็บบอลของเรา จึงสรุปข่าวของ ลิโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi) มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และหากใครไม่อยากพลาดข่าวกีฬาแบบทันใจเลือกเว็บบอลของเราทันข่าวทันใจแน่นอนครับ

ฟุตบอลยูโร 2024 เนเธอร์แลนด์ พบ ฝรั่งเศส

ฟุตบอลยูโร 2024 ในวันที่ 21 มิถุนายน. 2567

วันที่ 21 มิถุนายน. 2567 เวลา 02:00 (เวลาประเทศไทย) ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ พบ ทีมชาติฝรั่งเศส กลุ่ม D

ทีมชาติเนเธอร์แลนด์

โรนัลด์ คูมัน หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ได้ประกาศรายชื่อนักเตะชุดล่าสุด โดยมีตัวเลือกที่น่าสนใจในทุกตำแหน่ง

ผู้รักษาประตู

ที่ได้รับเลือกประกอบด้วย จัสติน ไบจ์โลว์ จากเฟเยนูร์ด, มาร์ค เฟลคเก้น จากเบรนท์ฟอร์ด และ บาร์ต แฟร์บรูคเก้น จากไบรท์ตัน

แนวรับ

มีชื่อของ นาธาน อาเก้ จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้, ดาเลย์ บลินด์ จากกิโรน่า และ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค จากลิเวอร์พูล เป็นต้น

ในแดนกลาง

คูมันเรียกตัว ไรอัน กราเฟนแบร์ช จากลิเวอร์พูล และ ติยานี่ ไรจ์นเดอร์ส จากเอซี มิลาน พร้อมกับผู้เล่นคนอื่นๆ

ส่วนแนวรุก

มีชื่อของ สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น จากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และ เมมฟิส เดปาย จากแอตเลติโก้ มาดริด

รายชื่อนี้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของผู้เล่นจากลีกชั้นนำทั่วยุโรป ซึ่งน่าจะเป็นทีมที่แข็งแกร่งสำหรับการแข่งขันที่จะมาถึง

ผลการแข่งขันของ ทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ยูโร 2024 ที่ผ่านมา

เว็กฮอร์สต์ซัดชัย! เนเธอร์แลนด์เฉือนโปแลนด์ 2-1 ประเดิมยูโร 2024 เนเธอร์แลนด์เริ่มต้นศึกยูโร 2024 ได้อย่างสวยงาม หลังเอาชนะโปแลนด์ 2-1 ในนัดเปิดสนามกลุ่ม ดี ที่โวล์คสปาร์ค สตาดิโอน เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2567
โปแลนด์ภายใต้การนำของ มิเชล โพรเบียร์ซ ต้องขาด โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าคนสำคัญ แต่ยังมีแนวรุกอย่าง ซีมานสกี้, บุคซ่า และ อูร์บานสกี้ ลงสนาม ขณะที่ เนเธอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของ โรนัลด์ คูมัน นำโดย ฟาน ไดจ์ค กัปตันทีม พร้อมด้วยแนวรุกอย่าง ซิมอนส์, กักโป และ เดปาย
โปแลนด์เป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 16 จากลูกโหม่งของ อดัม บุคซ่า จากลูกเตะมุมของ ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ แต่ เนเธอร์แลนด์ตามตีเสมอได้ในนาทีที่ 29 จากประตูของ โคดี้ กัคโป
ครึ่งหลัง เนเธอร์แลนด์เป็นฝ่ายครองเกมและสร้างโอกาสได้มากกว่า จนกระทั่งนาทีที่ 83 เวาท์ เว็กฮอร์สต์ กองหน้าตัวสำรองที่เพิ่งถูกส่งลงสนาม ซัดประตูชัยให้ทีมอัศวินสีส้มเอาชนะไปได้ 2-1
ชัยชนะนี้ทำให้ เนเธอร์แลนด์เก็บ 3 คะแนนแรกในการแข่งขันครั้งนี้ โดยนัดต่อไปพวกเขาจะพบกับ ฝรั่งเศส ขณะที่ โปแลนด์ จะเจอกับ ออสเตรีย ในวันที่ 21 มิถุนายน 2567
ผมหวังว่าบทความที่เขียนใหม่นี้จะตรงตามที่คุณต้องการครับ หากต้องการให้ปรับแก้หรือเพิ่มเติมส่วนไหน สามารถแจ้งได้เลยครับ

ทีมชาติฝรั่งเศส

ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ได้ประกาศรายชื่อนักเตะทีมชาติฝรั่งเศสชุดล่าสุด โดยมีตัวเลือกที่น่าสนใจหลายราย

ในตำแหน่งผู้รักษาประตู

มีการเรียกตัว อัลฟงส์ อเรโอลา จากเวสต์แฮม, ไมค์ เมญอง จากเอซี มิลาน และ บรีซ ซอมบา จากล็องส์

แนวรับ

ประกอบด้วย โฌนาต็อง โคลส จากโอลิมปิก มาร์กเซย, เตโอ แอร์กน็องเดซ จากเอซี มิลาน และ อิบราฮิมา โกนาเต้ จากลิเวอร์พูล พร้อมด้วยกองหลังคนอื่นๆ

ส่วนแดนกลาง

นำโดย เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า จากเรอัล มาดริด, ยุสซุฟ โฟฟาน่า จากอาแอส โมนาโก และ อ็องตวน กรีซมันน์ จากแอตเลติโก มาดริด รวมถึงมิดฟิลด์คนอื่นๆ

แนวรุก

มีชื่อของ บราดเลย์ บาร์กโกล่า จากปารีส แซงต์-แชร์กแมง, คิงส์ลีย์ โกมัน จากบาเยิร์น มิวนิค และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จากปารีส แซงต์-แชร์กแมง

ผลการแข่งขันของ ทีมชาติ ฝรั่งเศสยูโร 2024 ที่ผ่านมา

ฝรั่งเศสเฉือนชนะออสเตรีย 1-0 ในนัดเปิดสนามยูโร 2024
ทีมชาติฝรั่งเศสเริ่มต้นศึกยูโร 2024 ด้วยชัยชนะหวุดหวิด เอาชนะออสเตรียไป 1-0 ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี นัดแรก ที่สนามดุสเซลดอร์ฟ อารีน่า ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567
ประตูชัยเกิดขึ้นในนาทีที่ 38 จากความผิดพลาดของ มักซิมิเลียน โวเบอร์ กองหลังออสเตรีย ที่โหม่งเข้าประตูตัวเองจากการครอสของ คิเลียน เอ็มบัปเป้
ทั้งสองทีมส่งผู้เล่นตัวหลักลงสนามครบครัน โดยฝรั่งเศสนำโดย เอ็มบัปเป้, กรีซมันน์ และ ราบิโอต์ ขณะที่ออสเตรียมี ซาบิตเซอร์, ไลเมอร์ และ เกรกอริตซ์ เป็นแกนหลัก
แม้ฝรั่งเศสจะครองเกมได้มากกว่า แต่ก็ไม่สามารถเพิ่มสกอร์ได้ ขณะที่ออสเตรียก็มีโอกาสทำประตูหลายครั้งแต่ยังขาดความแม่นยำ
จุดเด่นของเกมอยู่ที่การปะทะกันในแดนกลาง และจังหวะบุกเร็วของทั้งสองทีม โดยเฉพาะฝรั่งเศสที่อาศัยความเร็วของ เอ็มบัปเป้ เป็นอาวุธสำคัญ
ช่วงท้ายเกม เอ็มบัปเป้ ได้รับบาดเจ็บที่จมูกจากการปะทะ แต่สามารถกลับมาเล่นต่อได้
ผลการแข่งขันนี้ทำให้ฝรั่งเศสขึ้นรั้งอันดับ 2 ของกลุ่มดี โดยนัดต่อไปจะพบกับเนเธอร์แลนด์ ส่วนออสเตรียจะเจอกับโปแลนด์ ในวันที่ 21 มิถุนายน
ชัยชนะนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับทีมตราไก่ แต่ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงหากหวังจะไปไกลในทัวร์นาเมนต์นี้ ทางSBOBETของเรา มีการถ่ายทอดสด สามารถเข้าชมผ่าน ทางเข้า SBOBET มือถือ777 ได้ที่นี่

ศึกบอลยูโร 2024 เปิดทีมเต็ง 5 ชาติ ใครจะไปถึงแชมป์

ศึกยูโร 2024 มาถึงอีกครั้ง และคาดว่าจะเป็นการแข่งขันที่สูสีกว่าที่เคย เนื่องจากทีมใหญ่ระดับเจ้าโลกเจ้ายุโรปอย่างเยอรมนีและสเปน กำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมใหม่ ทำให้ความแข็งแกร่งลดลงไปบ้าง ในขณะที่ทีมม้ารองมาตลอดอย่างอังกฤษ กลับผงาดขึ้นมาเป็นเต็งหนึ่งจากการจัดอันดับของบ่อนและสื่อฟุตบอลแทบทุกสำนัก

เหตุผลสำคัญที่ทำให้อังกฤษกลายเป็นทีมเต็งในครั้งนี้ เป็นเพราะมีนักเตะฝีเท้าดีเต็มทีม จนโค้ชอาจเจอปัญหาหนักใจในการจัดตัวผู้เล่น อย่างไรก็ตาม เสียงวิจารณ์จากเกจิลูกหนังหลายคนก็บอกว่า อังกฤษอาจเจ็บซ้ำเหมือนที่ผ่านมา เพราะมักถูกยกให้เป็นทีมเต็งเกินจริง และแบกรับความคาดหวังของแฟนบอลทั่วโลกมากเกินไป จนกดดันตัวเอง และมักจะทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ

ส่วนทีมเยอรมนี แม้จะได้เปรียบในฐานะเจ้าภาพ ทั้งเสียงเชียร์และความคุ้นเคยสนาม แต่ก็ยังถูกมองข้ามให้เป็นรองอังกฤษ ต่างจากในอดีตที่เยอรมนีมักจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเวลาที่สำคัญ ไม่ว่าจะฟอร์มในรอบคัดเลือกหรือเกมอุ่นเครื่องจะดูไม่ค่อยดีก็ตาม แต่สูตรเก่งทันเวลานี้ดูจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป โดยเฉพาะหลังจากฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว ที่เยอรมนีทำผลงานได้ย่ำแย่ ตกรอบแบ่งกลุ่มด้วยการแพ้ญี่ปุ่น หากครั้งนี้ยังรีดฟอร์มเก่งไม่ทัน ก็มีสิทธิ์ผิดหวังได้อีก

ทีมตราไก่ฝรั่งเศส แม้จะพลาดแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว แต่ก็ยังถือเป็นหนึ่งในทีมเต็งของศึกยูโรครั้งนี้ เพราะมีนักเตะฝีเท้าดีอย่างเอ็มบัปเป้ ที่หลายคนยกให้เป็นนักเตะยุโรปที่เก่งที่สุดในเวลานี้ อีกทั้งยังเป็นทีมที่มีความต่อเนื่องในการทำทีมกับโค้ชชุดเดิมมานาน ต่างจากหลายทีมที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย

ส่วนทีมกระทิงดุสเปนและมะกะโรนีอิตาลี ต่างก็เป็นทีมใหญ่ที่อยู่ในช่วงสร้างทีมใหม่ หลังจากยุคทองที่ผ่านมา ทำให้ไม่ค่อยถูกจับตาในศึกนี้ ขณะที่ฝอยทองโปรตุเกส ก็ยังเป็นทีมที่มีนักเตะฝีเท้าดีหลายราย และโดยเฉพาะความหวังอย่างโรนัลโด ที่แม้จะอายุ 39 ปีแล้ว แต่ก็เชื่อว่ายังจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ในศึกนี้อีกครั้ง

โดยสรุปจากอันดับทีมเต็งจากหลายสำนัก จะออกมาคล้ายๆ กันคือ เต็ง 1 อังกฤษ ตามด้วยฝรั่งเศส, เยอรมนี, สเปน และโปรตุเกส ศึกชิงแชมป์ยุโรปครั้งนี้จึงเป็นอีกครั้งที่น่าจับตามอง ว่าทีมเต็งอย่างอังกฤษจะไปได้ไกลแค่ไหน เยอรมนีเจ้าภาพจะรีดฟอร์มเก่งเพื่อล้างแค้นฟุตบอลโลกครั้งที่แล้วได้หรือไม่ ส่วนทีมใหญ่อื่นๆ จะมีทีมใดสามารถทำผลงานเซอร์ไพรส์ได้บ้างในทัวร์นาเมนต์นี้

ข้อดีของ มาร์ติน เบรทเวธ

ข้อดีของ มาร์ติน เบรทเวธ

เกมบาร์เซโลน่า ชนะเซบีญ่า 0-2 เมื่อคืนนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะนั่นทำให้พวกเค้าสามารถขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงได้ชั่วคราว หากจังหวะโอกาสดี พวกเค้าก็มีโอกาสจะเบียดไปถึงจ่าฝูงได้เหมือนกัน ในเกมนี้ เมสซี่ ยังคงความยอดเยี่ยมเหมือนเดิม แต่ว่าอีกคนหนึ่งที่หลายคนมักจะบ่นก็คือ มาร์ติน เบรทเวธ หมอนี่มันมีดีอย่างไร ดูทรงไม่น่าอยู่ต่อได้ เรามาดูข้อดีของเค้า

เค้ามาเพื่อสำรอง

ต้องยอมรับก่อนว่า การมาของ มาร์ติน เป็นการมาแบบฉุกเฉิน เนื่องจากตอนนั้น อุสมาน เด็มเบเล่ บาดเจ็บยาว ทำให้ทีมขาดกองหน้าก็เลยขอซื้อนักเตะเพื่อมาแก้ปัญหานั้น นั่นทำให้ตอนนั้น บาร์ซา ไม่มีตัวเลือกมากนัก (เป็นการซื้อนอกเวลาซื้อขาย) ยังดีที่สุดท้ายได้เค้ามาร่วมทีม ว่ากันตามตรง คุณภาพของเค้าการมาบาร์ซา อาจจะไม่เข้ากันแต่มาได้ด้วยสถานการณ์บังคับมากกว่า แล้วเค้าก็รู้หน้าที่ บทบาทตัวเองดี เค้าแทบไม่มีอาการงอแง หรือบ่นเลย ยอมรับบทบาทตัวสำรองเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นข้อดีที่หายากมาก

เล่นบอลกับพื้นที่แคบ

จากเกมกับ เซบีญ่า มาร์ติน เบรทเวธ เองก็มีข้อดีของเค้าเองเหมือนกัน อย่างแรกที่เห็นเลย เค้าเป็นนักเตะที่เล่นกับพื้นที่แคบๆได้ดี ทั้งการเลี้ยงผ่าน และการครองบอลถือว่าเป็นข้อดีที่เห็นชัดมากยิ่งถ้าเกมไหนตันๆต้องการตัวเลี้ยงเข้าไปที่แคบๆเพื่อแบ่งเบาภาระของเมสซี่ คนนี้แหละช่วยได้เยอะ เหมาะมากสำหรับเกมที่โดนอีกฝ่ายเอานักเตะมาออกันในกรอบเขตโทษเยอะๆ

เข้าระบบกับทีม

การเข้ามานอกเวลาซื้อขาย นั่นทำให้นักเตะคนนี้เอาเข้าจริงไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมบาร์เซโลน่า แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เลย เค้ากลายเป็นนักเตะที่มีความเข้าใจ ระบบ แผนการเล่นของ โรนัลด์ คูมัน ได้เป็นอย่างดีทีเดียว ยิ่งฐานะตัวสำรองที่จะลงมาเปลี่ยนเกม หรือทำตามสถานการณ์ที่โค้ชกำหนดเอาไว้ บอกเลยว่าคนนี้ก็เด็ดเหมือนกัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ โรนัลด์ คูมัน จะขาดไม่ได้เลยเวลานี้

3 เหตุผล ดึงสติแฟนแมนยู หลังตกรอบ

3 เหตุผล ดึงสติแฟนแมนยู หลังตกรอบ

คงเป็นอีกหนึ่งเช้าวันทำงาน แบบที่ไม่อยากไปทำงานเท่าไร สำหรับแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายคนคงเซ็งไม่น้อยแม้ว่าจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาดูก็ตาม ยิ่งถ้าตื่นขึ้นมาดูคงเซ็งมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าทีเดียว มาวันนี้เราขอทำหน้าที่เป็นตัวกลางดึงสติแฟนบอลแมนยูกันหน่อยว่าหลังตกรอบ เราควรคิดกันอย่างไรต่อเหตุการณ์นี้ด้วย 3 เหตุผล

ที่จริงมันเป็นไปตามคาดหวัง

ย้อนกลับไปคืนวันจับสลากแบ่งกลุ่ม UCL เชื่อว่าแฟนผีหลายคนในเวลานั้น ก็คงไม่ได้คาดหวังผลงานของโซลชาร์มากเท่าไรอยู่แล้วว่า จะสามารถพลิกกลับเข้ารอบไปได้ หลายคนมองว่าจะตกรอบไปเลยด้วยซ้ำไป มาถึงตอนนี้ โซลชาร์ ก็พาแมนยูทำได้ตามเป้า ก็คือ ได้อันดับที่ 3 ของกลุ่ม ไปเล่นยูโรป้า ลีค หากมองแบบนี้ก็เท่ากับว่า โซลชาร์ทำงานได้ตามเป้า ตามความคาดหมายของแฟนบอล ดังนั้นไม่ต้องคิดอะไรมาก

ตาสว่างคุณภาพนักเตะ

จากผลงานชนะรวด ถ้าไม่นับ มาร์คซิยาล ต้องยอมรับว่า มีเพียงแค่ บรูโน่ แฟร์นันเดส จอมทัพโปรตุเกสเท่านั้นมีที่มีคุณภาพนักเตะระดับสูงพอฟัดพอเหวี่ยงกับนักเตะคนอื่นในตำแหน่งเดียวกันของยุโรป แต่ว่าคนอื่นพูดกันตามตรงว่ายังตามหลังคนอื่นอีกเยอะ พอมาแพ้สองนัดติดตกรอบอย่างนี้ มันก็ทำให้เราตาสว่างได้ว่า สุดท้ายแล้วคุณภาพนักเตะของเรามันยังตามหลังทีมระดับท็อปของยุโรปอยู่ หลายช่วงตัวทีเดียว ซึ่งมันคงเป็นหน้าที่ของโซลชาร์และทีมงานที่ต้องค้นหาอีกหลายตำแหน่ง

เข้ารอบไปก็ตกรอบอยู่ดี

ผลงานเมื่อคืนเชื่อว่า แฟนบอล คงเห็นแล้วว่า คุณภาพทีมแบบนี้ แม้ว่าจะผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ต่อไป ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย บอกตามตรงว่าไปเจอกแชมป์กลุ่มไหนก็ตาม โอกาสที่พวกเค้าจะตกรอบก็มีสูงมาก ดังนั้นชิงตกรอบไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก็คงไม่แตกต่างกัน แล้วถ้าพูดให้ใจร้ายหน่อย การเข้ารอบไปแล้วเกิดเจอตัวโหดอย่าง บาร์ซา, บาเยิร์น ไม่แน่พวกเค้าอาจจะแพ้แบบสกอร์เยอะจนกลายเป็นประวัติศาสตร์ก็ได้ สุดท้ายแม้จะเสียใจแต่ทีมต้องเดินหน้าต่อไป

นักเตะยอดเยี่ยมประจำซีซั่นของ ลิเวอร์พูล

นักเตะยอดเยี่ยมประจำซีซั่นของ ลิเวอร์พูล

ต้องบอกว่าต้นร้ายปลายดีเหมือนกันสำหรับลิเวอร์พูล ที่ต้องยอมรับว่าพวกเค้าเจอปีศาจร้ายที่ชื่อว่า “อาการบาดเจ็บ” เล่นงานมาเกือบทั้งซีซั่นเลย พวกเค้าแทบจะไม่ได้มี 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดได้เลย ยืมใครมาก็เจ็บ เดี๋ยวเจ็บอีก แต่สุดท้ายการกระเสือกกระสนมาจบได้ที่อันดับสาม ถือว่าทำได้ตามเป้า หรือเหนือกว่าที่คาดอีก เราไปดูว่าใครควรจะได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำซีซั่นของ ลิเวอร์พูล

โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ภายใต้อาการบาดเจ็บที่รบกวนคนในทีมมาตลอดทั้งซีซั่นมีคนหนึ่งที่แทบจะไม่โดนอาการบาดเจ็บเลย แถมยังรักษาฟอร์มตัวเองตามมาตรฐานได้อีกด้วย คนนั้นก็คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คนดีคนเดิมนี่เอง ต้องยอมรับว่านี่เป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่เจ้าตัวต้องใช้คำว่า “แบก” ทีมจนหลังแอ่นเลยทีเดียว สถิติในซีซั่นนี้ลงเล่นไป 37 เกม (ในลีค) ชนะ 19 เกม แพ้ 9 เกม ยิงได้ 22 ประตู แอสซิสต์อีก 5 ครั้ง ถือว่าเป็นสถิติที่ดีเลย ขนาดเพื่อนเล่นไม่ได้ตามมาตรฐานพี่เค้ายังทำได้มากขนาดนี้ ถ้าอยู่ในสภาพฟิตทั้งทีม สงสัยซาลาห์ คงยิงแตะหลัก 30 ประตูได้เลย

อลิสซอน แบ็คเกอร์

อีกหนึ่งคนที่ต้องบอกว่าคอยประคับประคองทีมไม่ให้แย่ไปมากกว่านี้ ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็คือพ่อหมีอลิสซอน แบ็คเกอร์ คนนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่เค้าโชว์ฟอร์มดีเลย สถิติในเกมลีค ลงเล่นไป 33 เกม ชนะ 18 แพ้ 7 เก็บ 10 คลีนชีต เซฟไปทั้งหมด 84 ครั้ง แถมทำได้อีก 1 ประตูสำคัญในเกมกับเวสต์บรอมวิชด้วย ถือว่าเป็นอีกคนที่ฟอร์มดีแบบทะลุขึ้นมา

ฟาบินโญ่

ในช่วงเวลาที่ เวอร์กิล ฟานไดค์ เจ็บ เราเชื่อว่าคนที่ต้องรับบทบาทแทน และ แบก จนหลังแอ่นอีกคนก็คือกองกลางตัวตัดเกมคนนี้ เพราะว่าเค้าต้องลงไปเล่นเซนเตอร์แบ็คแทนที่ฟานไดค์ หลายครั้งซึ่งมันไม่ใช่ตำแหน่งถนัดของเค้าเลย แต่ก็ยังทำหน้าที่ได้ดีในซีซั่นนี้ลงเล่นในลีคไป 30 เกม ชนะ 16 เกมแพ้ 6 เกม หวังว่าซีซั่นหน้ากลับมาเล่นตำแหน่งเดิมน่าจะกลับมาเล่นดีอีกครั้ง

สรุปผลคาราบาวคัพ คู่ที่น่าสนใจ

สรุปผลคาราบาวคัพ คู่ที่น่าสนใจ

จบลงไปเรียบร้อยสำหรับ เกมลีคคัพ หรือ คาราบาวคัพ รอบที่สาม รอบนี้เริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้นเนื่องจากว่ามีเหล่าทีมจากพรีเมียร์ลีคลงมาร่วมเตะด้วย ทำให้เกมบางคู่ดูสนุกและสูสีมากขึ้น แถมบางคู่ทีมจากพรีเมียร์ลีคมาเจอกันเองอีกด้วย ตอนนี้เตะครบจบหมดแล้วเรามาสรุปผลการแข่งขันคู่สำคัญกันบ้าง

เลสเตอร์ซิตี้ กับ อาร์เซนอล

ถือว่าเป็นคู่เอกประจำการแข่งขันรอบนี้เลยก็ว่าได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าทีมพรีเมียร์ลีคมาเจอกันเอง ไม่เท่านั้นยังเป็นทีมระดับหัวตารางด้วยกันอีกด้วย ผลการแข่งขันเป็น อาร์เซนอลที่ฟอร์มร้อนแรงกว่า เอาชนะไปได้ 2-0 เกมนี้ใครที่ดูสดจะบอกว่าสู้กันสนุกสูสี แม้ว่าจะเป็นทีมผสมทั้งคู่ก็ตาม

นิวพอร์ต กับ วัตฟอร์ด

คู่ต่อไปเราไปดูเกมที่ต้องใช้คำว่า พลิกล็อคกันบ้าง เป็นเกมระหว่าง นิวพอร์ต คันทรี่ ทีมจากลีคทู ได้โอกาสมาเจอกับ วัตฟอร์ด ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเกินแรงของ วัตฟอร์ดเท่าไร แต่ปรากฏว่า เป็นเจ้าบ้านที่เอาชนะไปได้ 3-1 เกมนี้วัตฟอร์ดเหลือเพียงแค่ 10 ด้วยแต่มาโดนในนาทีที่ 88 ตอนนั้นเกมขาดไปแล้ว ถือว่าเป็นเกมที่เจ้าบ้านเล่นได้ดีกว่าจนเอาชนะไปได้ ส่งวัตฟอร์ดเป็นทีมพรีเมียร์ลีคทีมที่สองได้กลับบ้านไปก่อน

เวสต์บรอม กับ เบรนท์ฟอร์ด

คู่แรกของรอบนี้ที่ถือว่า พลิกล็อค เล็กๆด้วยเหมือนกัน เวสต์บรอมวิช เจอกับ เบรนท์ฟอร์ด คู่นี้หากเทียบกันจริงก็ไม่ห่างกันเท่าไร(เวสต์บรอมวิชจากพรีเมียร์ลีค เบรนท์ฟอร์ดจากแชมเปี้ยนชิพ) ทำให้ผลการแข่งขันออกมาสูสีมากออกเสมอ 2-2 ต้องตัดสินกันด้วยการยิงจุดโทษ สรุปเป็นทาง เบรนท์ฟอร์ดทำได้ดีกว่า ยิงเข้าหมดทุกคน ส่วนเวสต์บรอมวิชมาพลาดในคนสุดท้าย ทำให้ตกรอบไป

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ บอร์นมัธ

อีกคู่เป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ บอร์นมัธ คู่นี้เอาจริงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ไม่ได้เหนือกว่ามาก เพราะว่าเอานักเตะสำรอง และดาวรุ่งลง แต่ก็ยังสามารถเอาชนะบอร์นมัธไปได้ แสดงถึงคุณภาพของนักเตะได้ดี ขุมกำลังแน่นปึ้กอย่างนี้บอกเลยว่าน่าจะลุยทุกถ้วยได้ยาวๆเหมือนเดิม

แพนิคบาย การซื้อที่ไม่ได้อะไรเลยของ ปีศาจแดง

แพนิคบาย การซื้อที่ไม่ได้อะไรเลยของ ปีศาจแดง

สำหรับแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เห็นข่าวตลาดซื้อขายในช่วงท้ายนี้ คงคิดได้แค่คำว่า มันอะไรกันครับเนี่ย เพราะจากดีลที่ดูน่าจะมีความหวังทั้งการได้ตัว และยกระดับคุณภาพของทีมได้อย่าง เจดอน ซานโช่ มาตอนนี้กลับต้องมาลุ้นกลับดีลอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน เราเชื่อว่าสุดท้าย แมนยู อาจจะมีสถานการณ์ แพนิคบาย หรือการซื้อแบบตื่นตูม ในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดเราบอกเลยว่าจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเอาแบบไม่นานนี้ก็ได้ ถ้าทำแบบนี้ไม่ได้มีผลดีอะไรเลย

ไม่ได้ซื้อเพราะฟุตบอล

เหตุผลสำคัญที่ทำให้การ แพนิคบายไม่ได้เป็นการซื้อเพื่อการแก้ปัญหาเรื่องฟุตบอล เพราะว่าเหล่าผู้บริหารมองว่าการซื้อนักเตะเข้ามาเป็นเรื่องของกำไรขาดทุน เรื่องของการขายเสื้อมากกว่า ทีนี้การซื้อนักเตะที่เข้ามาเพราะเหตุผลด้านการตลาด ทำให้นักเตะคนนั้น ไม่ได้ลงสนาม หรือ ลงสนามไปก็เพราะโดนสั่งมาจากบอร์ด ผู้จัดการทีมก็ไม่สามารถรีดศักยภาพออกมาได้ สุดท้ายนักเตะและทีมก็ล้มเหลวไปพร้อมกัน

ระเบิดเวลาค่าเหนื่อย

การซื้อในช่วงโค้งสุดท้าย หากไม่ใช่นักเตะที่เค้าจ้องจะขายอยู่แล้ว ส่วนมากจะเป็นนักเตะที่ราคาสูงมาก ทีนี้ซื้อมาแพงแบบไม่ได้อยากได้ มันก็ขายไม่ออกเท่านั้นไม่พอ การซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายแบบนี้ แมนยูจะโดนโก่งค่าตัวจนหลังหัก รวมถึงค่าเหนื่อยที่จะต้องจ่ายเยอะเกินความจำเป็น เกินค่าเหนื่อยไปมาก สุดท้ายกลายเป็นระเบิดเวลาเรื่องค่าเหนื่อย กับเพดานค่าเหนื่อยที่จะทำให้ทีมเสียเงินเยอะเกินไป ยิ่งวิกฤติโควิท19 แบบนี้ด้วยบอกเลยว่า ตัวแดงในบัญชีกันแบบยาวๆ ให้ดูเคสของ อเล็กซิส ซานเชส เป็นตัวอย่างก็ได้

ตัวตลก

การซื้อแบบตื่นตูมอย่างนี้ เดิมทีเป็นการทำเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทำให้หุ้นขึ้นด้วย แต่เดี๋ยวนี้การซื้อนักเตะแบบตื่นตูม มันกลับให้ผลตรงกันข้าม มันจะทำให้ ภาพลักษณ์เหมือนคนลนลาน ดูเป็นตัวตลกในสายตาคนวงการฟุตบอลด้วยซ้ำไป ส่วนเรื่องหุ้นบอกเลยว่าการซื้อแบบนี้ไม่ทำให้หุ้นวิ่งขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นอยากฝากบอก เอ็ด ว่า ถ้าซื้อไม่ได้ก็ไม่ต้องซื้อ

ปัจจัยส่งผลให้ ลิเวอร์พูล หมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์ไปแล้ว

ปัจจัยส่งผลให้ ลิเวอร์พูล หมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์ไปแล้ว

แม้ว่าตอนนี้การฟันธงว่าลิเวอร์พูล หมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์มันยังเร็วเกินไป เพราะว่าเกมยังเหลืออีกประมาณ 15 นัด แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าตอนนี้โอกาสของพวกเค้าหลุดลอยไปหมดแล้ว การตามหลังแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ 10 คะแนน (หรืออาจะไปไกลถึง 13 คะแนน หากซิตี้เก็บชัยชนะเกมตกค้างได้) มันคงเป็นเรื่องยากที่แชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูลจะไล่ทันในเวลานี้ ปัจจัยอะไรบ้างส่งผลให้ลิเวอร์พูลหมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์

อาการบาดเจ็บ

หากจะโทษอะไรสักอย่างที่ทำให้ลิเวอร์พูลหมดสภาพเลย น่าจะเป็นเรื่องอาการบาดเจ็บของนักเตะที่มาแบบต่อเนื่องเลย เริ่มจาก เวอร์กิล ฟานไดค์ ที่เป็นเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างของทีมเจ็บไปจากเกมกับเอฟเวอร์ตัน จากนั้นนักเตะก็ทยอยกันเจ็บเรื่อยมาโดยเฉพาะในแผงหลังที่สุดท้ายต้องถอย ฟาบินโญ่ จากกลางลงมาเล่นเซนเตอร์แบ็ค และ ดึง แนท เซนเตอร์แบ็คดาวรุ่งขึ้นมาเล่นแทน เนื่องจากไม่มีนักเตะเซนเตอร์อาชีพเหลือเลย จนต้องมาซื้อเอาใหม่ในช่วงเวลาท้ายๆของการซื้อขายนักเตะ นึกภาพว่าหากพวกเค้ายังอยู่กันครบ อาจจะยังป้วนเปี้ยนแถวอันดับ 1-3 อยู่ก็ได้

แอนฟิลด์ ไม่ขลัง

ช่วงหลังที่ผลงานตกลงไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าจุดแข็งของพวกเค้าอย่างเกมในบ้าน ไม่ขลังเหมือนเดิม หลังจากพ่ายในบ้านเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี นั่นเหมือนกับว่า ปราการที่เคยแข็งแกร่งได้ถูกเจาะเป็นรูโหว่ ต่อจากนั้นก็โดนเจาะซ้ำไปเรื่อยๆจนทำให้ตอนนี้การเล่นในบ้านอย่าง แอนฟิลด์ ไม่ได้น่ากลัวอย่างเคยอีกต่อไป พอเก็บแต้มในบ้านไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย นอกบ้านก็คงยากหน่อย

นักเตะไม่ฟิตพอ

แผนการเล่นของ คล็อปป์ ที่ติดตั้งลงไปให้กับลิเวอร์พูล เรารู้กันดีว่ามันคือ เฮฟวี่เมทัล ฟุตบอลที่หาคนทำได้ยากมาก แต่ซีซั่นนี้มันแปลกประหลาดตรงที่เตะกันถี่มาก นั่นทำให้การฟื้นฟูร่างกายเพื่อให้ฟิตตลอดเวลามันไม่ได้ง่ายแบบนั้น พอนักเตะล้า และต้องเตะติดกัน(เนื่องจากว่านักเตะเจ็บไม่มีนักเตะหมุนเวียน รวมถึงนักเตะสำรองยังทำได้ไม่ดีพอเลยจะพักนักเตะตัวหลักไม่ได้) นั่นทำให้นักเตะไม่ฟิตพอ จากนั้นการเล่นตามแผนก็ทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จากจุดแข็งก็เลยกลายเป็นจุดอ่อนไป