ศึกยูโร 2024 มาถึงอีกครั้ง และคาดว่าจะเป็นการแข่งขันที่สูสีกว่าที่เคย เนื่องจากทีมใหญ่ระดับเจ้าโลกเจ้ายุโรปอย่างเยอรมนีและสเปน กำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมใหม่ ทำให้ความแข็งแกร่งลดลงไปบ้าง ในขณะที่ทีมม้ารองมาตลอดอย่างอังกฤษ กลับผงาดขึ้นมาเป็นเต็งหนึ่งจากการจัดอันดับของบ่อนและสื่อฟุตบอลแทบทุกสำนัก
เหตุผลสำคัญที่ทำให้อังกฤษกลายเป็นทีมเต็งในครั้งนี้ เป็นเพราะมีนักเตะฝีเท้าดีเต็มทีม จนโค้ชอาจเจอปัญหาหนักใจในการจัดตัวผู้เล่น อย่างไรก็ตาม เสียงวิจารณ์จากเกจิลูกหนังหลายคนก็บอกว่า อังกฤษอาจเจ็บซ้ำเหมือนที่ผ่านมา เพราะมักถูกยกให้เป็นทีมเต็งเกินจริง และแบกรับความคาดหวังของแฟนบอลทั่วโลกมากเกินไป จนกดดันตัวเอง และมักจะทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ
ส่วนทีมเยอรมนี แม้จะได้เปรียบในฐานะเจ้าภาพ ทั้งเสียงเชียร์และความคุ้นเคยสนาม แต่ก็ยังถูกมองข้ามให้เป็นรองอังกฤษ ต่างจากในอดีตที่เยอรมนีมักจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเวลาที่สำคัญ ไม่ว่าจะฟอร์มในรอบคัดเลือกหรือเกมอุ่นเครื่องจะดูไม่ค่อยดีก็ตาม แต่สูตรเก่งทันเวลานี้ดูจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป โดยเฉพาะหลังจากฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว ที่เยอรมนีทำผลงานได้ย่ำแย่ ตกรอบแบ่งกลุ่มด้วยการแพ้ญี่ปุ่น หากครั้งนี้ยังรีดฟอร์มเก่งไม่ทัน ก็มีสิทธิ์ผิดหวังได้อีก
ทีมตราไก่ฝรั่งเศส แม้จะพลาดแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว แต่ก็ยังถือเป็นหนึ่งในทีมเต็งของศึกยูโรครั้งนี้ เพราะมีนักเตะฝีเท้าดีอย่างเอ็มบัปเป้ ที่หลายคนยกให้เป็นนักเตะยุโรปที่เก่งที่สุดในเวลานี้ อีกทั้งยังเป็นทีมที่มีความต่อเนื่องในการทำทีมกับโค้ชชุดเดิมมานาน ต่างจากหลายทีมที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย
ส่วนทีมกระทิงดุสเปนและมะกะโรนีอิตาลี ต่างก็เป็นทีมใหญ่ที่อยู่ในช่วงสร้างทีมใหม่ หลังจากยุคทองที่ผ่านมา ทำให้ไม่ค่อยถูกจับตาในศึกนี้ ขณะที่ฝอยทองโปรตุเกส ก็ยังเป็นทีมที่มีนักเตะฝีเท้าดีหลายราย และโดยเฉพาะความหวังอย่างโรนัลโด ที่แม้จะอายุ 39 ปีแล้ว แต่ก็เชื่อว่ายังจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ในศึกนี้อีกครั้ง
โดยสรุปจากอันดับทีมเต็งจากหลายสำนัก จะออกมาคล้ายๆ กันคือ เต็ง 1 อังกฤษ ตามด้วยฝรั่งเศส, เยอรมนี, สเปน และโปรตุเกส ศึกชิงแชมป์ยุโรปครั้งนี้จึงเป็นอีกครั้งที่น่าจับตามอง ว่าทีมเต็งอย่างอังกฤษจะไปได้ไกลแค่ไหน เยอรมนีเจ้าภาพจะรีดฟอร์มเก่งเพื่อล้างแค้นฟุตบอลโลกครั้งที่แล้วได้หรือไม่ ส่วนทีมใหญ่อื่นๆ จะมีทีมใดสามารถทำผลงานเซอร์ไพรส์ได้บ้างในทัวร์นาเมนต์นี้