เควิน เดอ บรอยน์ตั้งคำถามถึงอนาคตกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ท่ามกลางฟอร์มตก

เควิน เดอ บรอยน์ตั้งคำถามถึงอนาคตกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ท่ามกลางฟอร์มตก

สัญญาของเดอ บรอยน์จะหมดลงหลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ โดยเจ้าตัวเปิดเผยว่าเคยมี “การพูดคุย” กับสโมสรในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เขามุ่งเน้นไปที่การกลับมาทำผลงานให้ดีที่สุด หลังเผชิญปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณช่องท้อง

นักเตะวัย 33 ปีไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงให้ซิตี้ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน แต่มีโอกาสที่จะกลับมาลงสนามในเกมพบเฟเยนูร์ด (Feyenoord) ในวันอังคารนี้ moneyyellow

“ผมไม่รู้จริง ๆ” เดอ บรอยน์กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับอนาคตของเขา

“ในช่วงต้นฤดูกาล ผมรู้ว่าการพูดคุยเรื่องสัญญาจะเกิดขึ้น แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ (บาดเจ็บ) ในเกมพบเบรนท์ฟอร์ด (Brentford) ตอนแรกคิดว่าจะพักแค่ไม่กี่วัน แต่กลับกลายเป็นแปดถึงเก้าสัปดาห์ ผมจึงตัดสินใจพักเรื่องนั้นไว้ก่อน

“ผมเคยพูดคุยในช่วงซัมเมอร์ แต่หลังจากนั้นก็ได้รับบาดเจ็บ ทำให้ผมไม่ได้อยู่ในสภาพจิตใจที่พร้อมจะพูดเรื่องสัญญา ตอนนี้ผมต้องการกลับมาลงสนามและกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง ไม่มีความเร่งด่วนอะไร ผมไม่รู้สึกอึดอัดและไม่กังวล”

เดอ บรอยน์อยู่กับซิตี้เป็นฤดูกาลที่ 10 แล้ว และมีข่าวเชื่อมโยงกับการย้ายไปเล่นในซาอุดี โปร ลีก รวมถึงทีมซานดิเอโก เอฟซี ในเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์

ในขณะเดียวกัน เป๊ป กวาร์ดิโอลา ซึ่งเดิมมีกำหนดหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์ ก็เพิ่งต่อสัญญาเพิ่มอีกสองปี ซึ่งเดอ บรอยน์กล่าวว่า การที่กวาร์ดิโอลาอยู่ต่ออาจมีผลต่อการตัดสินใจของเขา หลังจากทั้งคู่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกันถึงหกสมัย

“มันอาจช่วยได้” เดอ บรอยน์กล่าว “ผมรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ผมไม่จำเป็นต้องพูดกับเป๊ปเกี่ยวกับอนาคต ถ้ามีโค้ชคนใหม่ เราก็ต้องคุยกัน

“บางทีเป๊ปอาจเปลี่ยนใจและบอกว่า ‘ขอบคุณนะ เควิน ถึงเวลาต้องไปแล้ว’ แต่ผมรู้ว่าเขาทำงานกับทีมและนักเตะยังไง นั่นไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผม

“คำถามเหล่านี้จะเข้ามา แต่ผมสามารถตอบได้เท่าที่ผมรู้ในตอนนี้ การพูดคุยจะเกิดขึ้น ถ้าไม่มีการพูดคุย มันก็จะเป็นปีสุดท้ายของผม ผมแค่ต้องการเล่นฟุตบอลให้ดี”

ซิตี้จะพบเฟเยนูร์ดที่สนามเอติฮัด สเตเดียม ในขณะที่ทีมแพ้ติดต่อกันมาห้ารายการในทุกรายการ ความพ่ายแพ้ในลีกต่อบอร์นมัธ ไบรท์ตัน และท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นมาเป็นผู้นำในเส้นทางลุ้นแชมป์ moneyyellow

อย่างไรก็ตาม กวาร์ดิโอลายังคงเชื่อว่าทีมของเขาจะประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้ แม้จะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทีมแชมป์เก่า

“ผมคิดว่าเราสมควรได้รับความอดทนจากทุกคนในช่วงที่เราแพ้เกม” กวาร์ดิโอลากล่าว “คุณกำลังปกป้องสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และนั่นเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะรับมือ ผมมีความรู้สึกว่าฤดูกาลนี้เราจะทำสิ่งที่ยอดเยี่ยม ผมไม่ยอมแพ้ และผมรู้สึกว่าเราจะกลับมาได้”

 

ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติในวงการฟุตบอลต่อผู้เล่นเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติยังคงเป็นปัญหาสำคัญในวงการฟุตบอลทั่วโลก โดยเฉพาะต่อผู้เล่นที่มีเชื้อสายเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุด โทษแบน 7 นัดของโรดริโก เบนตานคูร์ (Rodrigo Bentancur) กองกลางของท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (Tottenham Hotspur) จากการใช้คำพูดเหยียดเชื้อชาติต่อซน ฮึง-มิน (Son Heung-min) เพื่อนร่วมทีม ได้จุดกระแสให้เกิดการพูดคุยอย่างกว้างขวางอีกครั้ง

สถิติการเหยียดเชื้อชาติที่น่ากังวล

องค์กรต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ Kick It Out (KIO) เปิดเผยข้อมูลว่าการเหยียดเชื้อชาติที่มุ่งเป้าไปยังผู้เล่นเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยสถิติในฤดูกาล 2023-24 แสดงให้เห็นว่า:

  • มีรายงานการเหยียดเชื้อชาติที่มุ่งเป้าไปยังผู้เล่นถึง 395 ครั้ง เพิ่มขึ้นจาก 277 ครั้ง ในฤดูกาลก่อนหน้า
  • 55% ของรายงานการเหยียดเชื้อชาติทั้งหมดในฤดูกาลล่าสุดพุ่งเป้าไปยังผู้เล่นที่มีเชื้อสายเอเชียตะวันออก
  • ในช่วง 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา มีรายงาน 937 ครั้ง โดย 327 ครั้ง (35%) เกิดขึ้นกับผู้เล่นเพียง 7 คนที่มีเชื้อสายเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ซามูเอล โอกาฟอร์ (Samuel Okafor) ผู้บริหารของ Kick It Out กล่าวว่า “สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ามีแฟนบอลจำนวนมากที่ไม่ยอมรับการเลือกปฏิบัติ และเป็นข้อความที่วงการฟุตบอลต้องใส่ใจ”

ผู้เล่นที่ตกเป็นเป้าหมายหลัก

แม้ Kick It Out จะไม่ได้เปิดเผยรายชื่อผู้เล่นที่ถูกเหยียดเชื้อชาติมากที่สุด แต่ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงในพรีเมียร์ลีกที่เป็นตัวแทนของเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่:

  • ซน ฮึง-มิน (Son Heung-min) จากท็อตแนม ฮอตสเปอร์
  • ฮวาง ฮี-ชาน (Hwang Hee-Chan) จากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส
  • คาโอรุ มิโตมะ (Kauro Mitoma) จากไบรท์ตัน
  • ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ (Takehiro Tomiyasu) จากอาร์เซนอล
  • ไดจิ คามาดะ (Daichi Kamada) จากคริสตัล พาเลซ
  • ยูคินาริ ซูกาวาระ (Yukinari Sugawara) จากเซาแธมป์ตัน

ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มาร์โก เคอร์โต (Marco Curto) นักเตะของโคโม (Como) ถูกฟีฟ่าสั่งแบน 10 นัด (พักโทษ 5 นัด) จากการเหยียดเชื้อชาติต่อฮวาง ฮี-ชาน ในเกมกระชับมิตร

การแก้ไขปัญหาในวงการฟุตบอล

ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการดำเนินการอย่างจริงจังในทุกระดับของวงการฟุตบอล ทั้งการปรับปรุงมาตรการป้องกัน การสนับสนุนผู้เล่นที่ตกเป็นเหยื่อ และการสร้างความตระหนักรู้ในหมู่แฟนบอล เพื่อทำให้ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ทุกคนสามารถสนุกสนานได้โดยปราศจากการแบ่งแยกหรือการเลือกปฏิบัติ

ปรากฏการณ์นี้ชี้ชัดว่า การเหยียดเชื้อชาติในฟุตบอลยังคงเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข และทุกฝ่ายในวงการกีฬาจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง

การ แทงบอลยูโร 2024 เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่แฟนบอลทั่วโลกที่ต้องการสนุกและลุ้นรางวัลไปพร้อมกัน เว็บไซต์หลายแห่งเปิดให้บริการ แทงบอลยูโร 2024 พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้เล่นใหม่

สื่อประโคม โหมกระหน่ำ ลั่น หงส์เตรียมจับจองสู่ขอ มาร์มูซ เข้าถิ่น แอนฟิลด์ สื่อเปิด เจ้าตัวก็กระสันตามรอย ซาลาห์ เช่นกัน

สึ่อดังจากเยอรมัน อย่าง บิลด์ (Bild) ตีข่าวว่า หงส์แดง ลิเวอร์พูล (Liverpool) นั้นได้มีการเจรจากับ ดาวยิงตัวเก่งสัญชาติ อิยิปต์ กองหน้าจาก แฟรงเฟิร์ต (Eintracht Frankfurt) อย่าง โอมาร์ มาร์มูซ (Omar Marmoush) ไปบ้างแล้ว และดูเหมือนว่าทุกอย่างจะคืบหน้าไปมาก ทางด้านนักเตะเองก็มีใจหวังเจริญรอยตามทางด้าน ดาวยิงรุ่นพี่ อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) ที่ย้ายมาสวมเครื่องแบบ หงส์แดง แล้วกำลังสร้างตำนานอยู่ในเวลานี้ ข่าวจากเยอรมันก็มีการรายงานว่า ต้นสังกัดอย่าง แฟรงเฟิร์ต (Eintracht Frankfurt) ตั้งค่าตัวของ โอมาร์ มาร์มูซ (Omar Marmoush) ไว้ที่ 50 ล้านปอนด์ ปัจจุบัน ดาวยิงทีมชาติ อิยิปต์ วัย 25 ปีนั้นยิ่งไป 11 ประตู และทำได้ 7 แอสซิสต์ จากการลงเล่นไป 10 นัด ในศึกบุนเดสลีกา ถือเป็นฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม และโดดเด่นเป็นอย่างมา ซึ่งส่วนหนึ่งก็มองว่า ถ้าย้ายมาอาจจะเป็นการมาแทน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) ที่กำลังจะหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์หน้า แต่ในเวลานี้ กำลังมีการพูดคุยกันอยู่เรื่องของการเจรจาสัญญาใหม่

 

กัคโป เผยอยู่กับ ลิเวอร์พูล ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ทุกคนที่นี่ อยู่กันแบบพี่น้อง ที่นี่ทำให้เขารู้สึก อบอุ่น สำหรับทุกคนที่นี่คือครอบครัว

 

โคดี้ กัคโป (Cody Gakpo) เผยความรู้สึกประทับใจ ในการย้ายมาเล่นให้ ลิเวอร์พูล ของเขา ว่าหลังจากที่เขารู้ว่า ลิเวอร์พูล (Liverpool) สนใจเขา เขาก็ตัดสินใจทันที และในเวลานี้ สิ่งที่เขาได้รับมันเหมือนกับว่า เขานั้นได้อยู่ที่บ้านของเขา เขารู้สึกอบอุ่น เพื่อนร่วมทีมทุกคน สต๊าฟ ทีมงานทุกคน มีความใกล้ชิดอยู่กันแบบครอบครัว ไม่ใช่ว่าเขาจะอยู่แต่กับคนที่เป็นชาวดัตช์ ด้วยกันเท่านั้น sbobet มือถือ777 ที่นี่ ทุกๆ คนไม่ว่าจะเป็นสัญชาติใดๆ ก็คุยกันเล่นกันเหมือนกับพี่น้อง มันทำให้ทุกอย่าง บรรยากาศต่างๆ ภายในทีมนั้นยอดเยี่ยมมากๆ แน่นอนว่าในเวลานี้ ที่มีชาวดัตช์ อยู่ในทีมมากขึ้น ทั้งเพื่อนร่วมทีม อย่าง เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค (Virgil van dijk) และ ไรอัน กราเฟนแบร์ช (Ryan Gravenberch) รวมไปถึง สต๊าฟโค้ช ผู้จัดการทีม อย่าง อาร์เน่อ สล็อท (Arne Slot) ก็เช่นกัน ทุกคนไม่ว่า จะมาจากที่ไหน เชื้อชาติ พามาอยู่ภาใต้สโมสรแห่งนี้ ทุกคน คือครอบครัวต้องรวมพลังที่จะต่อสู้ไปด้วยกัน  sbobet มือถือ777 พร้อมกันนี้ เจ้าตัวยังได้แสดงความยินดีกับ ไรอัน กราเฟนแบร์ช (Ryan Gravenberch) ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งมากๆ ในเวลานี้ ทั้งที่ไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาถนัด  โคดี้ กัคโป (Cody Gakpo) กล่าวว่า ตัวเขารู้จัก ไรอัน กราเฟนแบร์ช (Ryan Gravenberch) มาตั้งแต่เล่นใน ฮอลแลนด์ แล้วแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้ลงเล่นที่ บาเยิร์น เท่าไหร่ แต่ในเวลานี้ เขาได้ตำแหน่งที่ดีต่อเขาแล้ว และมันก็ทำให้เขาโชว์ผลงานได้ดี เรื่องนี้ ต้องชื่นชม ผู้จัดการทีมอย่าง อาร์เน่อ สล็อท (Arne Slot) ที่ทำให้ในเวลานี้ กราฟ เล่นได้ด้วยความมั่นใจอย่างแท้จริง

 

ไรอัน กราเฟนแบร์ช ก็ออกมาเปิดเผยว่า ตัวเขานั้นได้รุ่นพี่ อย่าง เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ช่วยสนับสนุนตัวเขา ให้ในเวลานี้เขาลงเล่นได้ด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

 

ไรอัน กราเฟนแบร์ช (Ryan Gravenberch) กองกลางฟอร์มฮ็อต จากค่ายหงส์แดง ในเวลานี้ กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมภายใต้ ตำแหน่งใหม่อย่างกองกลางตัวรับ หมายเลข 6 หลังจากก่อนหน้านี้ ทางด้าน ลิเวอร์พูล (Liverpool) พยายามที่จะคว้าตัว มาร์ติน ซูบิเมนดี้ (Martín Zubimendi) เพื่อมาเล่นในตำแหน่งนี้ แต่สุดท้ายเมื่อไม่ได้ โค้ชสมองใสอย่าง อาร์เน่อ สล็อท (Arne Slot) ก็เลยให้ ไรอัน กราเฟนแบร์ช  (Ryan Gravenberch) มาลงเล่นในตำแหน่งตรงนี้ จนในที่สุด ทุกคนก็เห็นแล้วว่า มันเวิร์คมากๆ ไรอัน กราเฟนแบร์ช (Ryan Gravenberch) ปรับตัวได้ดีโชว์ฟอร์มได้คงเส้นคงวาในทุกๆ นัด ตัวของ ไรอัน กราเฟนแบร์ช (Ryan Gravenberch) เองได้เปิดเผยว่าตัวเขาได้ ดาวเตะรุ่นพี่ชาวดัตช์ ในทีม อย่าง เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค (Virgil van dijk) คอยช่วยผลักดันสนับสนุนเขา ตอนที่เขาได้รับหน้าที่ให้เล่นในตำแหน่งใหม่ บิ๊กเวิร์จเอง จะต้องคอยบอกเสมอ เรื่องตำแหน่ง อย่าดันสูงไป อยู่ให้นิ่งๆเข้าไว้ ซึ่งพอผ่านไปซักพัก ฟาน ไดจ์ค (Virgil van dijk) ก็เริ่มตะโกนเรียกน้อยลง ซึ่งมันก็แสดงว่าเขานั้นทำได้ดีขึ้นแล้วในเรื่องการเล่นเกมรับ 

บาเยิร์น มิวนิค จบสถิติแพ้สองนัดติดในแชมเปียนส์ลีก ด้วยชัยชนะหวุดหวิดเหนือเบนฟิก้า

บาเยิร์น มิวนิค

บาเยิร์น มิวนิค จบสถิติแพ้สองนัดติดในแชมเปียนส์ลีก ด้วยชัยชนะหวุดหวิดเหนือเบนฟิก้า

บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) จบสถิติแพ้สองนัดติดในศึก แชมเปียนส์ลีก (Champions League) ด้วยชัยชนะหวุดหวิดเหนือ เบนฟิก้า (Benfica) ในเกมสำคัญที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า (Allianz Arena)

ยามาล มูซิอาล่า (Jamal Musiala) กองกลางดาวรุ่งทำประตูชัยเพียงลูกเดียวของเกม ช่วยให้ยักษ์ใหญ่แห่ง บุนเดสลีกา (Bundesliga) ขึ้นนำในนาทีที่ 67 ด้วยการโหม่งต่อจากลูกโหม่งของ แฮร์รี่ เคน (Harry Kane) ในกรอบ 6 หลา ซึ่งเป็นจังหวะที่สวยงามและแม่นยำ

ทีมจาก เยอรมนี (Germany) เล่นได้ดีกว่าทีม เบนฟิก้า (Benfica) ที่เน้นตั้งรับตลอดทั้งเกม โดยทั้ง เคน (Kane) และ แซร์จ กนาบรี้ (Serge Gnabry) ต่างมีโอกาสยิงอันตรายแต่ถูก อนาโตลี ทรูบิน (Anatoliy Trubin) ผู้รักษาประตูฝีมือดีเซฟไว้ได้ในครึ่งแรก

เลรอย ซาเน่ (Leroy Sane) ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังก็โดน ทรูบิน (Trubin) เซฟไว้ได้ถึงสองครั้ง แสดงให้เห็นถึงความพยายามของทีมเยือนในการรักษาประตูและทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด ผลบอลสโบ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

ทีมภายใต้การคุมทีมของ วินเซนต์ คอมปานี (Vincent Kompany) ต้องการผลงานที่ยอดเยี่ยมหลังจากถูกกดดันในยุโรป หลังจากเอาชนะ ดินาโม ซาเกร็บ (Dinamo Zagreb) 9-2 ในนัดแรก พวกเขาพ่ายให้กับ แอสตัน วิลล่า (Aston Villa) 0-1 และ บาร์เซโลน่า (Barcelona) 1-4

การกลับมาเล่นที่บ้านในครั้งนี้ บาเยิร์น (Bayern) สามารถคว้าชัยชนะที่สำคัญและกลับขึ้นไปอยู่ในอันดับท็อป 24 ของตารางลีกเฟส โดยปัจจุบันอยู่อันดับที่ 17 มีคะแนนเท่ากับ เบนฟิก้า (Benfica) ที่อยู่อันดับ 19

มูซิอาล่า (Musiala) แสดงให้เห็นถึงฟอร์มอันยอดเยี่ยมที่ช่วยยกระดับทีมหลังการเริ่มต้นที่แย่ แม้ บาเยิร์น (Bayern) อาจกำลังฟื้นตัวจากฟอร์มที่ตกต่ำในยุโรป แต่พวกเขานำจ่าฝูง บุนเดสลีกา (Bundesliga) ด้วยคะแนนนำ 3 แต้ม และชนะ 4 นัดหลังสุด โดยยิงได้ 16 ประตูและเสียประตูศูนย์

กองกลางวัย 21 ปี มีส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์เกมรุก ด้วยการวิ่งเลื้อยที่สร้างพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีม และยังทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง โดยเขายิงได้ 5 ประตูจาก 4 นัดหลังสุดในทุกรายการ

น่าสนใจที่ว่าสามประตูในจำนวนนั้นมาจากการโหม่ง ทั้งที่เมื่อสองสัปดาห์ก่อน เขาเคยยิงประตูด้วยการโหม่งให้ บาเยิร์น (Bayern) เพียงแค่สองลูกเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในการเล่นลูกกลางอากาศที่ดีขึ้น

แฟนบอลเจ้าถิ่นแสดงความชื่นชมนักเตะดาวรุ่งรายนี้อย่างเต็มที่ โดยพวกเขายืนปรบมือให้เมื่อ มูซิอาล่า (Musiala) ถูกเปลี่ยนตัวออกให้ โทมัส มุลเลอร์ (Thomas Muller) ลงมาแทนในช่วงท้ายเกม

ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ บาเยิร์น (Bayern) รักษาโอกาสในการเข้ารอบต่อไป แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับทีมในการลุยศึก แชมเปียนส์ลีก (Champions League) ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่พวกเขาสามารถรักษาคลีนชีตได้ในเกมนี้ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแนวรับที่กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ บาเยิร์น มิวนิค มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด ผลบอลสโบ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

 

อโมริมกับการปฏิวัติแทคติกในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด: เส้นทางใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

การมาของรูเบน อโมริม (Ruben Amorim) อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) แฟนบอลต่างคาดหวังว่าโค้ชชาวโปรตุเกสผู้มีแนวทางการเล่นที่ชัดเจนนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาที่ทีมเคยประสบในยุคของเอริก เทน ฮาก (Erik ten Hag) และทำให้ทีมกลับมามีฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นอีกครั้ง

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้อโมริมแตกต่างจากเทน ฮากคือ ความชัดเจนในแทคติก ซึ่งเป็นจุดที่แฟนบอลวิจารณ์เทน ฮากว่า ไม่มีทิศทางการเล่นที่ชัดเจนจนกระทั่งถูกปลด อโมริมมีชื่อเสียงในการฝึกซ้อมที่ละเอียด รอบคอบ พร้อมทั้งสร้างระบบที่คมชัดเพื่อให้นักเตะเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแผนการเล่นหลักของเขาคือ 3-4-3 ซึ่งทำให้ทีมมีการโจมตีที่แข็งแกร่งและการป้องกันที่รัดกุม

อโมริมยังขึ้นชื่อว่าเป็นโค้ชที่ยืดหยุ่น เขาสามารถปรับแผนการเล่นได้ตามสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการดึงนักเตะถอยลึกเพื่อป้องกันการบุกของคู่แข่ง หรือการโจมตีด้วยการเปิดบอลยาวเพื่อใช้พื้นที่ในเกม อย่างไรก็ตาม การปรับจากระบบการเล่นที่ใช้แผงหลังสี่คนเป็นแผงหลังสามคนเป็นเรื่องใหม่ที่ท้าทายของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งไม่ใช่ระบบที่นักเตะในทีมคุ้นเคย

ความท้าทายและโอกาสใหม่ในระบบ 3-4-3

ในระบบ 3-4-3 ของอโมริม นักเตะอย่างแฮร์รี่ แม็กไกวร์ (Harry Maguire) และมัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ (Matthijs de Ligt) ซึ่งอาจถูกใช้งานในบทบาทสำคัญในแนวรับ ทั้งนี้ผู้เล่นที่รับมือกับการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวได้ดีจะเป็นกำลังสำคัญในการพาทีมประสบความสำเร็จ

การขาดงบประมาณในช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคมยังคงเป็นข้อจำกัด แต่อโมริมก็แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถพัฒนาทีมโดยไม่ต้องพึ่งพาการซื้อตัวครั้งใหญ่ ในฤดูกาลที่ผ่านมาสปอร์ติ้ง (Sporting) ครองอันดับสูงในลีกโปรตุเกสทั้งในด้านการบุกที่เน้นการสร้างบอลและการโจมตีตรงไปตรงมา

การเปลี่ยนแปลงนี้อาจสร้างโอกาสให้ผู้เล่นใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเติมเต็มระบบของอโมริม ขณะเดียวกันแฟนบอลเองก็เฝ้ารอการกลับมาของฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นจากทีมในแบบที่ไม่เคยเห็นมานาน

เส้นทางใหม่ที่รออยู่

แฟนบอลคาดหวังว่าอโมริมจะสามารถพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกลับมาใช้ระบบหลังสามได้เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี นับตั้งแต่ยุคของหลุยส์ ฟาน ฮาล (Louis van Gaal) ในปี 2014 และช่วยให้ทีมกลับมามีระบบการเล่นที่มีทิศทางและประสิทธิภาพในการแข่งขัน

การ แทงบอลยูโรสเต็ป กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงและมีรูปแบบการเดิมพันที่หลากหลาย หากต้องการกำไรแบบทวีคูณ การ แทงบอลยูโรสเต็ป เป็นทางเลือกที่ควรลองสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความท้าทาย