รีล มาดริด เล่นเรื่อยๆมาเรียงๆ

วันนี้เราเปลี่ยนบรรยากาศไปดูสถานการณ์ของฟุตบอลลาลีก้า สเปนมาบ้าง ปีนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างที่น่าสนใจก็คือ การกลับมาอีกครั้งของชายที่ชื่อว่า ซีดาน เค้ากลับมาคราวนี้ตอนแรกหลายก็เริ่มจะไม่เชื่อมือว่าจะพาทีมกลับมาได้ แต่ซีซั่นนี้เหมือนเค้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าที่ทำไปนั้นเป็นของจริง
รีล มาดริด เวอร์ชั่นเน้นผล
หากนับเฉพาะผลงานในลีค ตอนนี้รีล มาดริดถือว่ามาดีมากทีเดียว พวกเค้าอาจจะไม่ได้เป็นทีมที่เล่นเกมรุกโหดดุดันอะไรมากนักหากเทียบกับยุคกาแลคติกอสทั้งสองชุด แต่ผลการแข่งขันพวกเค้าสามารถทำให้ได้อย่างที่ต้องการตลอด อาจจะเบียดชนะ 1-2 ลูก แต่ก็ถือว่าทำได้ตามเป้าเกมสามแต้มได้ แม้จะมีหลุดเสมอหรือแพ้บ้าง แต่ก็น้อยมาก จนทำให้พวกเค้ามาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการคือเป็นจ่าฝูง
โอกาสการเป็นแชมป์ลีค
จากสถานการณ์นี้ รีล มาดริดหากเล่นแบบนี้ได้ตลอดที่เหลือของฤดูกาลบอกเลยว่าน่ากลัวมาก ทีมที่เล่นเพื่อผลการแข่งขันตามต้องการได้ มีโอกาสเป็นแชมป์ลีคสูง อีกอย่างพวกเค้าได้แชมป์ลีคน้อยมาก ครั้งนี้น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะทำให้พวกเค้ากลับมามีลุ้นถึงแชมป์ลีคที่ห่างหายไปนานอีกครั้งหนึ่ง
นักเตะเล่นฟุตบอลไม่เล่นข่าว
อีกหนึ่งปัจจัยความสำเร็จของรีล มาดริด ก็คือ ตัวนักเตะเองหันมาเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง ไม่มีการเล่นนอกสนาม เล่นข่าว เล่นอะไรก็ไม่รู้ทำให้ทีมสปิริตเสียไป พอนักเตะทุ่มสมาธิให้กับเกมฟุตบอลอย่างเดียว ผลลัพธ์ก็เลยออกมาดีทีเดียว นักเตะหลายคนเหมือนกลับเข้าสู่ฝั่ง เข้าสู่ฟอร์มที่ดีของตัวเองได้แล้ว อย่างรามอสเองเกมรับก็กลับมาแข็งบวกกับเกมบุกก็พร้อมขึ้นไปโหม่งทำประตูด้วย
บวกกับสถานการณ์ทีมคู่รักคู่แค้นอย่าง บาร์เซโลน่า เหมือนจะยังจูนกันไม่ติดเท่าไร ตรงนี้หากรีล มาดริด ฉวยโอกาสทำแต้มไปเรื่อยๆ เรียงๆ เล่นแบบเก็บสามแต้มได้ตลอดบอกเลยว่ามีถ้วยแน่นอน อย่างไรก็ตามต้องดูว่า สไตล์แบบนี้เกมเอลคาชิโกกับบาร์เซโลน่าในยกแรกจะเป็นอย่างไร

เช็คฟอร์มดาวซัลโวประจำ ลาลีก้า สเปน ตอนนี้มีใครบ้าง

ฟุตบอลลาลีก้า สเปน กำลังจะกลับมาอีกครั้งแน่นอนว่าตอนนี้ลาลีก้า สเปนกำลังขับเคี่ยวกันอย่างมากเลย ตำแหน่งแชมป์เป็นการคั่วกันของบาร์เซโลนา กับ รีล มาดริด ที่ช่องว่างของคะแนนบีบเหลือเพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น แม้บาร์ซ่าจะนำอยู่แต่หากพลาดก็มีสิทธิ์ปาดได้เลยเช่นกัน วันนี้เราไปส่องอันดับตารางดาวซัลโวบ้างว่าใครเป็นอย่างไร

อันดับที่ 1 ลิโอเนล เมสซี่

ถือว่ายืนหนึ่งแบบไร้คู่แข่งเลย สำหรับ ลิโอเน เมสซี่ ตอนนี้ขึ้นแท่นดาวซัลโวสูงสุดไปแล้ว 19 ประตู ซีซั่นนี้เค้าทำให้โลกเห็นถึงความสุดยอดจากปลายสตั๊ดของเค้าเลย ทั้งยิง ทั้งจ่าย ลูกใกล้ ลูกไกล ฟรีคิก ระยะไหน พี่เค้าทำได้หมดเลย บางลูกนี้บอกเลยว่ายากมากแบบที่ว่า เหลือช่องเพียงแค่รูเข็มพี่เค้ายิงยัดเข้าได้ยังไงยังคิดไม่ออก เรื่องน่าสนใจอยู่ตรงที่การกลับมาหลังจาก โควิท 19 เมสซี่มีอาการบาดเจ็บติดตัวมาด้วยทำให้เจ้าตัวอาจจะพลาดลงสนามหลายเกม ทำให้ยอดผลรวมอาจจะขยับได้ยาก
เช็คฟอร์มดาวซัลโวประจำ ลาลีก้า สเปน

อันดับที่ 2 คาริม เบนเซม่า

คนนี้ก็ต้องใช้คำว่า แมวเก้าชีวิตเหมือนกัน จากนักเตะที่ส่อแววว่าจะโดนโละออกจากทีมมากที่สุด ตอนนี้เค้ากลับมาเป็นตัวหลักของทีมอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้ผู้จัดการทีมหน้าเดิม คนบ้านเดียวกันอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน คนนี้น่าสนใจตรงที่หลังจากติดเบรคลีคจากสถานการณ์โควิท 19 ทำให้ เบนเซม่า เหมือนได้พักด้วย กลับมาฟิตเต็มถังมากขึ้นน่าจะกลับมายิงระเบิดอีกครั้งตอนนี้ทำไป 14 ประตู แม้จะห่างจากเมสซี่ถึง 5 ประตู แต่ถ้าเมสซี่ไม่ได้ลงสนาม เบนเซม่าก็อาจจะทำประตูตามไปทาบสถิติจนถึงแซงได้เลยในตอนท้ายซีซั่น

ส่วนที่เหลืออันดับที่ 3-10 อันดับต่างกันแต่สถิติไม่แตกต่างกันมาก อยู่ที่ 11-9 ประตู อันดับสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หลายคนน่าจะกลับมาฟิตจนแข่งกันยิงอีกด้วยซ้ำไป ใครเป็นแฟนบอลลาลีก้าสเปน เตรียมตัวไว้ให้ดี ความสนุกกำลังจะกลับมาอีกครั้งแล้ว

ดาวซัลโวประจำ ลาลีก้า สเปนจะเป็นใครต้องติดตามแต่ดาวเด่นเรื่องแทงบอลออนไลน์ต้อง sbobet เท่านั้น

เรื่องดาวเด่นในทางฟุตบอลจะเป็นใครเราก็ต้องติดตามต่อไป แต่เรื่องดาวเด่นเว็บแทงบอลนั้น sbobet มาแรงแซงใครเพื่อน ทั้งเรื่องของทางเข้า sbobet ล่าสุด ทั้ง beer777 หรือจะเป็น sbobet888 ที่นี่ก็มีให้ท่านเลือกสรรมากมายหลากหลายแบรนด์

เลือกเดิมพันกับการแทงบอลออนไลน์ สามารถลดความเสี่ยงได้ดีที่สุด

การ แทงบอลออนไลน์ ให้มีกำไรมันขึ้นอยู่กับนักพนันแต่ละคนเอง ว่าจะเลือกเอารูปแบบการเดิมพันในแบบไหนที่จะช่วยสร้างโอกาสให้เรามีกำลังใจขึ้นมา เพราะเมื่อเราเลือกลงเงินไปแล้ว หากมีความเสี่ยงหรือไม่สามารถลดความเสี่ยงต่างๆได้ มันจะส่งผลกระทบกับการเดิมพันของเราเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเราเลือกที่จะใช้บริการกับเว็บเดิมพันทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น SBOBET หรือเว็บบอลในรูปแบบใดก็ตาม มันจะทำให้เรามีโอกาสเพิ่มมากขึ้นที่จะลดความเสี่ยงต่างๆที่เกิดขึ้นมาจากการเดิมพันให้เหลือน้อยที่สุด และจะกลายมาเป็นกำไรให้เกิดขึ้นกับเราได้
การเลือกใช้การเดิมพันกับการ แทงบอลออนไลน์ มันลดความเสี่ยงให้นักพนันได้ในแง่ของ เราสามารถที่จะเลือกราคาในแบบที่เห็นว่าสามารถสร้างผลตอบแทนให้เกิดขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็นด้วยรูปแบบไหน เพียงแต่เมื่อเลือกเดิมพันไปกับราคาเหล่านั้น มันควรจะต้องเป็นราคาที่ไม่มีความเสี่ยงเกินไป หรือเมื่อเราเลือกที่จะเดิมพันกับราคา มันจะต้องเป็นราคาที่มีความสมเหตุสมผล ไม่เป็นราคาที่มีโอกาสทำให้เราเสียเงินลงไปครึ่งหนึ่ง
ซึ่งตัวเลือกของการเดิมพันกับเว็บแทงบอลมันจะมีตัวเลือกให้เราได้เข้าไปเดิมพันด้วย เช่น เมื่อเราเลือกเข้าไปใช้งานกับ SBOBET มันจะมีตัวเลือกของราคาต่างๆที่มีความแตกต่างกันออกไป แม้ว่าจะเป็นบอลก่อนการแข่งขันมันก็จะมีราคาให้เราเดิมพันอยู่ค่อนข้างหลากหลาย และจะมีการปรับเปลี่ยนราคาไปตามช่วงเวลา เช่น การที่ราคาต่อรองมีการปรับให้สอดคล้องกับราคาไหล มันก็จะทำให้เรามีโอกาสทำกำไรได้ เช่น ในช่วงเช้าบอลรองอาจจะเปิดราคารองมาอยู่ที่ครึ่งควบลูกซึ่งเมื่อเรรองไปที่ราคานี้ โอกาสที่เราจะเสียเงินลงไปครึ่งนึงมันย่อมจะมีขึ้นได้ แต่เมื่อเราเข้าไปดูราคาในช่วงบ่ายราคาบอลรองอาจกลับมาอยู่ที่ 1 ประตู ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นการคืนทุนให้เราได้
การลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด มันจึงถือเป็นแนวทางที่ดีแนวทางหนึ่งที่เราจะทำกำไรให้เกิดขึ้นกับการเข้าไปใช้งานกับการ แทงบอลออนไลน์ มันจึงอยู่ที่ตัวเราเองว่าสุดท้ายแล้วเราจะเลือกลงเงินไปกับรูปแบบไหน เพราะเมื่อเราสามารถทำกำไรให้เกิดขึ้นกับการเดิมพันเหล่านั้นได้ หรือแม้กระทั่งการเดิมพันไปแล้วเป็นการคืนต้นทุนกลับมา มันก็ถือว่าน่าสนใจที่เราจะเอารูปแบบเหล่านั้นมาเป็นทางเลือกให้มีกำไรขึ้นมาได้

มาร์คัส แรชฟอร์ด นักเตะฝีเท้าดีที่แมนยูควรเก็บไว้ และมูริญโญ่ควรส่งลงเล่นในตำแหน่งหน้าเป้ามากกว่าปีก!

สำหรับในบทความนี้ จะเป็นการพูดถึงทีมแมนเชสเตอร์ยูในเต็ดของกุนซือ โฆเซ่ มูริญโญ่กันหน่อย เพราะหลังจากที่ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาลใหม่นี้ เปิดทำการแข่งขันมาได้ซักระยะหนึ่งแล้ว ทีมแมนเชสเตอร์ยูในเต็ดของกุนซือ โฆเซ่ มูริญโญ่ กลายเป็นทีมที่ถูกพูดถึงพอสมควรเลย หลังจากออกสตาร์ทด้วยผลงานที่ค่อนข้างผิดฟอร์มไปหน่อยในช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา
ซึ่งนอกจากเรื่องผลงานของทีมที่ออกสตาร์ทด้วยผลงานที่ค่อนข้างผิดฟอร์มแล้ว ดูเหมือนว่า ยังมีเรื่องเกี่ยวกับกระแสการย้ายออกของนักเตะในทีม ออกมาเป็นกระแสข่างอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งหนึ่งในนักเตะที่ตกเป็นกระแสข่าวต้องการย้ายออกจากทีมแมนยูอย่างต่อเนื่องนั้น นั่นก็ กองหน้าตัวเก่งอีกคนอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด นั่นเอง สำหรับในบทความนี้ก็เลยอยากจะหยิบเอาประเด็นของ มาร์คัส แรชฟอร์ด มาพูดถึงกันหน่อย เพราะสำหรับโดยส่วนตัวแล้ว มองว่า แมนยูควรเก็บ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไว้ช่วยทีมต่อไป ไม่ควรปล่อยให้ย้ายออกจากทีมไป
สำหรับเหตุผลที่มองว่า แมนยูควรเก็บ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไว้ช่วยทีมต่อไปนั้น นั่นก็เพราะมองว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด นั้น จัดว่าเป็นนักเตะอายุน้อยที่ฝีเท้าดีคนหนึ่งเลย เป็นนักเตะที่ฝีเท้าดี เทคนิคดี และมีความเร็ว อายุก็ยังน้อยด้วย ก็เลยมองว่า แมนยูควรเก็บเขาไว้ช่วยทีมดีกว่า แต่ถ้าหากเจ้าตัวอยากได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้น แมนยูก็ควรปล่อยยืมตัวแทน ไม่ควรปล่อยขาด และนอกจากนี้ยังมองว่า มูริญโญ่ควรให้โอกาสกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงสนามในตำแหน่งหน้าเป้าให้มากกว่าที่ผ่านมา เพราะสำหรับโดยส่วนตัวมองว่า ส่วนหนึ่งที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไม่สามารถโชว์ฟอร์มออกมาได้ดีเท่าไหร่นั้น ส่วนหนึ่งเพราะโดนจับเล่นในตำแหน่งปีกบ่อยครั้งด้วย มูริญโญ่ควรให้โอกาสเขากับตำแหน่งหน้าเป้าบ่อยขึ้น ซึ่งมองว่า หาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า เขาน่าจะช่วยแมนยูได้ดีกว่าที่ผ่านมานั่นเอง
ในปัจจุบัน การหารายได้เสริมนั้น สามารถทำได้หลายวิธีและสามารถทำผ่านเนตได้ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งสำหรับการแทงบอลออนไลน์นั้น เป็นอีกหนึ่งช่องทางการหารายได้เสริมทางเนตที่หลายๆคนหันมาให้ความสนใจกันมากขึ้น ซึ่งถ้าใครที่กำลังสนใจและอยากลองหารายได้เสริมกับการแทงบอลออนไลน์ดูบ้าง แต่ไม่ยังไม่รู้ว่าจะใช้บริการเว็บแทงบอลออนไลน์เว็บไหนดี อยากจะแนะนำเว็บ sbobet เป็นตัวเลือกแรกๆ เพราะว่าเว็บ sbobet เป็นเว็บแทงออนไลน์อันดับ1 ในตอนนี้ที่หลายๆคนเลือกใช้บริการกัน เหตุผลที่หลายๆคนเลือกใช้เว็บ sbobet นั้น นั่นก็เพราะเว็บนี้สามารถมั่นใจเรื่องการจ่ายเงินจริงเมื่อเล่นได้ ทำให้เว็บนี้เลยกลายเป็นเว็บที่หลายๆคนเลือกใช้บริการกันนั่นเอง

“อ็องตวน กรีซมันน์” เผยสาเหตุย้ายซบต่างดาว คือ เมสซี่


“อ็องตวน กรีซมันน์” นักเตะตัวเก่งของ “แอตเลติโก้ มาดริด” ออกมาเผยถึงความรู้สึก สาเหตุที่เมินโอกาสย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า หลังจากที่ “เจ้าบุญทุ่ม”
ได้จ่ายค่าฉีกสัญญามูลค่า 88 ล้านปอนด์ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ท้ายสุดแล้วเค้าก็เลือกที่จะอยู่รังเดิมกับ “ตราหมี” ต่อไป

สตาร์นักเตะฝีมือดีทีมชาติ ฝรั่งเศส วัย 27 ปี ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้กับ “FourFourTwo” ว่า “ถามว่ายากแค่ไหนในการปฎิเสธสโมสรฟุตบอลเลื่องชื่อ บาร์เซโลน่า?
ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากเอามาก ๆ เพราะทีมอย่าง บาร์ซ่า ต้องการตัวคุณ โทรหาคุณ และส่งข้อความติดต่อมาหลายครั้ง เขาแสดงปรารถนาว่าต้องการเราจริง ๆ”

“แต่เมื่อสโมสรที่คุณอยู่ในปัจจุบันยกให้คุณเป็นผู้เล่นคนสำคัญแล้วและสร้างทีมขึ้นมาโดยมีคุณเป็นแกนหลัก และเมื่อต้องเทียบกับอีกข้อเสนอที่ต้องย้ายไปอยู่ภายใต้ร่มเงาของ
เมสซี่ หรืออาจเป็นได้แค่ส่วนหนึ่งในทีม ในทางกลับกันเพื่อนร่วมทีมของผม และผู้คนในสโมสร (แอตฯ มาดริด) ทำทุก ๆ อย่าง”

“พวกเขาเข้ามาคุยกับผม พร้อมเพิ่มค่าเหนื่อยให้ และทำในทุก ๆ อย่าง เพื่อรักษาผมไว้ ทำให้ผมเห็นว่านี่คือบ้านและผมไม่ควรย้ายออกไปไหน”
“มันเป็นช่วงเวลาที่สับสนจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภรรยาของผมที่โดนปลุกมาคุยเรื่องนี้ในตอนตีสาม” กรีซมันน์ กล่าวทิ้งท้าย

10 นักเตะเท้าไฟในตำนานที่ยิงคู่แข่งเข้าไม่ยั้งในเกมเดียว

นาทีนี้นักเตะที่ทำผลงานดีที่สุดก็จะถูกจับตามองและเปรียบเทียบกันว่าที่ผ่านมานั้นมีนักเตะคนไหนบ้างที่สามารถทำประตูอย่างถล่มทลายให้กับทีม หลังจากที่ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ทำ 4 ประตูใน 13 นาที ไปแล้ว
แต่ก็ยังมีนักเตะฝีเท้าโหดที่ทำประตูกระซวกตาข่ายคู่ต่อสู้แบบไม่ไว้หน้าคนอื่น ๆ ซึ่ง 10 นักเตะในตำนาน ซึ่งแต่ละคนนั้นเป็นความทรงจำที่ดีของแฟนฟุตบอล มีใครบ้างมาดูกันเลย

นักเตะเท้าไฟ

1. โอเล่ กุนนาร์ โซลชา (vs น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, 1999)
อัตราเฉลี่ยของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ลงมาในฐานะตัวสำรองให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดเยือนน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ จัดว่าแจ่ม เมื่อหัวหอกชาวนอร์วีเจี้ยน ใช้เวลาเพียง 18 นาทีในสนามที่ซิตี้กราวด์ ปี 1999 รัว 4 ประตู
ผ่านมือนายทวาร เดฟ บีเซนต์ ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าชัยชนะ 8-1 ก่อนที่ลูกทีมของเฟอร์กี้จะก้าวไปเถลิงเทรเบิลแชมป์ส่วนฟอเรสต์ตกชั้น โดยแข้ง “เจ้าป่า” ที่ลงเล่นในวันนั้นมีนักเตะอย่าง อูโก้ ปอร์ฟิริโอ และ เจสเปอร์ แม็ตตส์สัน ด้วย

2. เดนิส ลอว์ (vs ลูตัน, 1961) วันที่ 28 มกราคม 1961
นับว่าไม่ใช่วันที่โชคดีของลอว์ เมื่อศูนย์หน้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กดไป 6 ลูกในเกมเอฟเอคัพกับลูตัน ทาวน์ แต่เกมต้องมาถูกยกเลิกในนาทีที่ 69 เนื่องจากมีน้ำท่วมขังในสนาม ไม่เพียงแค่ประตูของลอว์จะไม่ถูกบันทึก
ไว้ในสถิติเท่านั้นแต่ ซิตี้ ก็ต้องมาประสบกับความปราชัยในนัดแข่งใหม่ด้วย หลังจากสกอร์ที่นำอยู่ 6-2 ในแมตช์แรกไม่นำมาคิดในเกมนี้ ซึ่งดับเบิ้ลแฮตทริกของลอว์น่าจะเป็นสถิติของ เอฟเอคัพ ก่อนที่ จอร์จ เบสต์
จะมายิงด้วยจำนวนที่เท่ากันให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดเยือน นอร์แธมป์ตัน ทาวน์ ในอีก 9 ปีต่อมา แต่สถิติก็ถูกทำลายลงในปี 1971 โดย เท็ด แม็คดูกัลล์ ของบอร์นมัธ ที่ทำไป 9 ประตู ในการเจอกับมาร์เกตซึ่งผู้รักษาประตู
ที่โชคร้ายที่สุดในโลกคนนั้นก็คือ ชิค โบรดี้ ที่ก่อนเกมได้เจอระเบิดมืออยู่ในหมวกของตัวเอง และขาของเขาก็เกือบหักจากการถูก แจ็ค รัสเซลล์ ย่ำระหว่างเกม ก่อนที่คานจะหักและหล่นลงมาใส่หัวในแมตช์หลังจากนั้น

3. พานาจิโอติส ปอนติกอส (vs อายิออส อธานาซิออส, 2007)
แม้แต่ อาร์ชี่ ธอมป์สัน ของออสเตรเลีย (คนที่เราจะกล่าวถึงหลังจากนี้) ซึ่งครองสถิติโลกในระดับทีมชาติคงฝันว่าจะกระซวกตาข่ายได้อย่างปอนติกอส ศูนย์หน้าของโอลิมปอส ไซโลฟากูบ้าง โดยในลีกดิวิชั่น 3 ของไซปรัส
เมื่อปี 2007 ไซโลฟากู ที่เดา ๆ ว่าคงตั้งชื่อตามอย่างไซโลโฟนที่เป็นระนาดฝรั่ง ได้ถล่มเอสอีเค อายิออส อธานาซิออส แบบยับเยิน 24-3 ซึ่งประตูส่วนใหญ่ได้มาจากการจบสกอร์ของปอนติกอสที่กดไป 16 ตุง ในครึ่งแรก
เขาทำได้เพียงแค่ 4 แต่มารัวอีกหนึ่งโหลหลังจากหมดพักครึ่ง ซึ่งประตูในครึ่งหลังได้มาในนาทีที่ 47, 50, 55, 56, 61, 68, 75, 76, 83, 86 และ 87 เล่นเอาบรรดาแนวรับของอธานาซิออสถึงกับคอตกไปตาม ๆ กัน และนั่นก็เพียงพอ
ที่จะทำให้ปอนติกอสทำสถิติโลกในระดับสโมสรเทียบเท่ากับ สเตฟาน สตานิโอ ที่ยิง 16 ลูกให้กับราซิ่ง คลับ ในเฟร้นช์คัพที่เจอออบรี้ อัสตูรีส์ เมื่อปี 1942

4. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (vs เรอัล มาดริด, 2013)
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เลวายิงสลุตคู่แข่งได้อย่างในเกมกับโวล์ฟสบวร์ก โดยเจ้าตัวเคยยิง 4 ลูกให้กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศที่ปะทะแข้งกับเรอัล มาดริด เมื่อปี 2013 และที่น่าเหลือเชื่อก็คือ
เขาทำแฮตทริกโดยใช้เวลาไม่ถึง 4 นาทีได้ 2 ครั้งในระยะเวลาห่างกันแค่ 3 เดือน ซึ่งศูนย์หน้าทีมชาติโปแลนด์กด 3 ตุงในเวลา 3 นาที 59 วินาทีในการเจอกับจอร์เจียเมื่อเดือนมิถุนายน ก่อนที่จะทำได้เร็วกว่าเดิม 40 วินาที
ในการรัว 3 ลูกแรกในเกมกับโวล์ฟสบวร์ก จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่แฮตทริกสุดเร็วจี๋ของเขาจะกลายเป็นสถิติใหม่ของบุนเดสลีกา

5. ดีเตอร์ มุลเลอร์ (vs แวร์เดอร์ เบรเมน, 1977)
มุลเลอร์ ถือครองสถิตินักเตะที่ยิงในนัดเดียวสูงที่สุดในบุนเดสลีกาตอนนี้ โดยยิงได้มากกว่าเลวานดอฟสกี้อยู่ 1 ลูก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในนัดที่โคโลญจน์เจอกับแวร์เดอร์ เบรเมน เมื่อปี 1977 ซึ่งเจ้าตัวทะลวงตาข่ายได้
ในนาทีที่ 12, 23, 32, 52, 73 และ 85 น่าเสียดายที่ไม่มีวิดีโอในนัดดังกล่าวเนื่องจากตากล้องสไตรก์ในช่วงนั้น ทำให้เราอดเห็นประตูที่ 4 ของเขาซึ่งเป็นลูกยิงตีลังกากลับหลังระยะ 110 หลา รวมถึงลูกที่ 5 ที่ได้มาจาก
ลูกตอกส้นอันสุดมหัศจรรย์ด้วยเช่นกัน

6. อาร์ชี่ ธอมป์สัน (vs อเมริกัน ซามัว, 2001)
ธอมป์สัน กดไปทั้งสิ้น 28 ประตูจาก 54 นัดในการรับใช้ทีมชาติออสเตรเลีย ซึ่ง 13 ลูกจากทั้งหมดมาจากเกม ๆ เดียวในปี 2001 เขายิงเยอะซะจนคนทำหน้าที่เปลี่ยนสกอร์บอร์ดนับผิดให้เครดิตเขาเป็น 14 ลูกในตอนแรก
มีผู้ชมเพียง 3,000 คนที่เข้ามาเป็นสักขีพยานในเกมประวัติศาสตร์ที่คอฟฟส์ ฮาร์เบอร์ ซึ่งอเมริกัน ซามัว โดนยำเละ 31-0 ซึ่งรายงานหลังเกมระบุให้จำกัดความว่า “ออสเตรเลียลงเตะก็เหมือนไม่ได้ลง” ซึ่งนี่คงเป็นก็รายงานข่าว
ที่ให้ความสำคัญน้อยที่สุดในศตวรรษเลยก็ว่าได้ (และนั่นทำให้มีการวางระบบรอบคัดเลือกใหม่เพื่อสกรีนทีมปลาซิวปลาสร้อยมากขึ้น) โดยธอมป์สันเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เขาเบิกสกอร์แรกในนาทีที่ 12
และบวกลูกที่ 2 ของตัวเองไม่ได้จนกระทั่งนาทีที่ 23 แต่จากนั้นประตูก็ไหลมาเทมาในนาทีที่ 27, 29, 33, 37, 42 และ 45 ทำให้หมดครึ่งแรกเขาซัดไป 8 ตุง ก่อนจะทำได้อีกในนาทีที่ 56, 60 และ 65 แล้วคงจะไปกินข้างเที่ยง
หรือทำอะไรสักอย่างก่อนจะกลับมาปิดจ๊อบในนาทีที่ 85 กับ 88 เก็บยอดรวมไปทั้งสิ้น 13 ประตู

7. โจ เพย์น (vs บริสตอล โรเวอร์ส, 1936)
หลายสิ่ง ๆ เกิดขึ้นอย่างพิลึกพิลั่นในฤดูกาล 1935/36 อย่างแรกคือ เท็ด เดรก ทำคนเดียว 7 ลูกให้อาร์เซนอลถล่มแอสตัน วิลล่า 7-1 และเขายังเป็นคนเดียวในลีกสูงสุดที่ยิงได้มากขนาดนี้ จากนั้น โรเบิร์ต “บันนี่” เบลล์ ก็กลายเป็น
คนเดียวในลีกอังกฤษที่ซัด 9 ตุงในนัดที่ทรานเมียร์ โรเวอร์ส อัดโอลด์แฮม แอธเลติก 13-4 เรียกได้ว่ายิงจนปวดเท้าเลยทีเดียว จริง ๆ เขาน่าจะยิงได้ 10 ลูกด้วยซ้ำหากไม่พลาดจุดโทษเสียก่อน ซึ่งตรงข้ามกับเพย์นที่สามารถทะลวง
ตาข่ายได้ถึงเลข 2 หลักผ่านนายด่านบริสตอล โรเวอร์ส ในนัดที่ลูตันชนะ 12-0 ซึ่งเขาไม่ใช่ศูนย์หน้าธรรมชาติเสียด้วยซ้ำ โดยก่อนหน้านั้นนักเตะอเนกประสงค์รายนี้ลงเล่นเพียงแค่ 4 นัดให้กับลูตันในซีซั่นดังกล่าว ซึ่งทั้งหมด
เป็นตำแหน่งฮาล์ฟขวา (เทียบเท่ากับแบ็คขวาในปัจจุบัน) และไม่เคยเล่นศูนย์หน้าให้กับสโมสรมาก่อนเลย ที่น่าประหลาดใจก็คือเขาทำได้ 10 ประตูทั้งที่ถูกเลือกให้ยืนเป็นศูนย์หน้าจำเป็นในนัดแรกในรอบ 7 เดือนของตัวเอง
และหลังจากนั้นก็ไม่เคยกลับไปยืนเป็นฮาล์ฟขวาอีกเลย

8. โอเล็ก ซาเลนโก้ (vs แคเมอรูน, 1994)
อาชีพการค้าแข้งของ ซาเลนโก้ ไม่มีอะไรให้น่าจดจำเป็นพิเศษ มันดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเขาเองก็ไม่ได้ทำประตูเป็นกอบเป็นกำให้กับต้นสังกัดอย่าง เซนิต, ดินาโม เคียฟ, บาเลนเซีย และเรนเจอร์ส แต่อยู่ ๆเจ้าตัว
ก็มายิงคนเดียว 5 ประตูให้รัสเซียในเกมฟุตบอลโลก 1994 กับแคเมอรูน บวกกับจุดโทษในเกมกับสวีเดนทำให้ซาเลนโก้คว้ารางวัลรองเท้าทองคำประจำทัวร์นาเม้นต์ร่วมกับ ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ ถึงแม้ว่าทีม “หมีขาว”
จะจอดป้ายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มก็ตาม โดยซาเลนโก้ไม่เคยยิงให้กับทีมชาติได้มาก่อนและก็ทำไม่ได้อีกเลยนับตั้งแต่นั้น เขาทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในช่วงที่ค้าแข้งกับเรนเจอร์สที่เขาให้คำจำกัดความว่า “น่าเบื่อมาก”
ก่อนที่จะกลายมาเป็นกุนซือทีมฟุตบอลชายหาดของยูเครนในเวลาต่อมา

9. โฮเซ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต (vs เฟร์โร คาร์ริล ออยสเต้, 1999)
3 ลูกในเกมเดียวอาจเรียกไม่ได้เต็มปากนักว่าทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ถ้าบอกว่ามันมาจากผู้รักษาประตูล่ะ? โดยผู้รักษาประตูจอมเพี้ยนชาวปารากวัยผู้มีฉายาว่า “เอล บูลด็อก” (เราคงไม่ต้องแปลความหมายให้คุณล่ะมั้ง?)
ยิงได้ 67 ลูกตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา ซึ่งต้องขอบคุณสกิลในการยิงฟรีคิกและจุดโทษของเขา ในปี 1999 ขณะที่ลงเล่นให้กับเวเลซ ซาร์สฟิลด์ ต้นสังกัดอาร์เจนไตน์เจอกับเฟร์โร คาร์ริล ออยสเต้เขายิงจุดโทษ 3 ลูก
ในเกมที่ชนะ 6-1 อย่างไรก็ตามชิลาเวิร์ตเป็นที่รู้จักมากกว่าในเรื่องของความมุทะลุ ซึ่งในวิกิพีเดียได้ระบุไว้ในประวัติของเขาว่า “เคยประเคนหมัดใส่นักเตะอย่าง ฟาอุสติโน่ อัสปริย่า และ ดีเอโก้ มาราโดน่า มาแล้ว”

10. แม็กนุส อาร์วิดส์สัน (vs แลนด์สโครน่า, 1995)
ถ้าคุณอยากเห็นแฮตทริกแบบรวดเร็วทันใจโดยที่ไม่ต้องไปพึ่งเลวานดอฟสกี้ อาร์วิดส์สันคือคำตอบ โดยในเกมดิวิชั่น 2 ของสวีเดนเมื่อปี 1995 เขายิง 3 ลูกรวดในเวลาแค่ 89 วินาทีให้กับฮาสเซิลโฮล์มในนัดที่เจอกับแลนด์สโครน่า
“มันมีเวลาห่างกันนิดเดียวระหว่างตอนคิกออฟกับทำประตูได้” อาร์วิดส์สันกล่าวหลังจากนั้น ซึ่งประตูดังกล่าวช่วยให้ฮาสเซิลโฮล์มพลิกกลับมาชนะ 5-3 และรอดพ้นการตกชั้น ก่อนที่จะย้ายไปอยู่เยอรมันกับฮันซ่า รอสต็อค
และติดทีมชาติสวีเดน 2 นัด น่าผิดหวังที่เขายิงให้ทัพ “ไวกิ้ง” ไม่ได้